ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ตร.โคราชไม่ลดละควานหารถและคนร้ายยิง “ลูก ส.ส.อุทัยธานี” ดับ ล่าสุดพบเบาะแสรถยนต์กระบะต้องสงสัย 2 คันหายไปจากพื้นที่พร้อมเจ้าของ ด้าน ผบช.ภ.3 ระบุตั้งแต่เป็น ตร.มาเพิ่งเคยพบฝ่ายเสียหายพิลึกไม่มาให้ปากคำ ตร. ตั้งข้อสงสัยมีประวัติที่ไม่อยากเปิดเผยหรือไม่ ระบุต้องการให้ตำรวจไปสอบปากคำที่อุทัยธานีก็ยินดี หากยังเฉยเตรียมออกหมายเรียก ลั่นอีก 1 สัปดาห์ปิดคดีได้แน่ ล่าสุดเพิ่มเงินรางวัลนำจับคนร้ายจาก 5 หมื่น เป็น 1 แสน
ช่วงบ่ายวันนี้ (24 ส.ค.) พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดีคนร้ายยิงนายฟารุต ไทยเศรษฐ์ อายุ 27 ปี ลูกชาย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) เสียชีวิตในท้องที่ สภ.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ขณะขับรถเดินทางกลับที่พัก เมื่อคืนวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนยังคงเดินหน้าเอกซเรย์พื้นที่อย่างละเอียด โดยเฉพาะการตรวจสอบรถยนต์คนร้ายตามที่พยานให้การไว้ ขณะนี้มีรถยนต์กระบะมิตซูบิชิ โหลดเตี้ย 2 คันที่เข้าข่ายต้องสงสัย เนื่องจากทั้งรถยนต์และคนขับได้หายไปจากพื้นที่ตั้งแต่วันที่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ยังไม่กลับเข้ามา ซึ่งจะเป็นรถคันก่อเหตุหรือไม่ยังบอกไม่ได้ แต่เข้าข่ายต้องสงสัย คงต้องรอให้เจอรถก่อน
ตอนนี้สิ่งสำคัญคือ ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ที่นั่งรถมากับรถผู้ตาย และเป็นพยานปากสำคัญที่จะไขกุญแจนำไปสู่ตัวคนร้ายได้นั้นไม่ยอมเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนตามที่นัดหมายไว้ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมาก ตั้งแต่จนรับราชการตำรวจมาเพิ่งเคยเจอกรณีนี้ที่เป็นผู้เสียหายแต่กลับไม่ยอมเข้าให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือหากจะให้เจ้าหน้าที่เราไปพบที่ จ.อุทัยธานี หรือที่ใดทางตำรวจเราก็ยินดีที่จะเดินทางไปพบเพื่อสอบปากคำ
ต่อข้อถามที่ว่า การที่กลุ่มลูกน้องนายชาดาไม่เข้ามาให้ปากคำตำรวจนั้น เพราะกลัวจะถูกดำเนินคดีหรือไม่ พล.ต.ท.ภาณุกล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่การมาให้ปากคำก็ต้องนำอาวุธปืนของกลางมาพร้อมเพราะมีการยิงต่อสู้กันก่อนเสียชีวิต แน่นอนจะต้องถูกดำเนินคดี ทั้งมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครอง และคดีพยายามฆ่าเพราะมีการยิงต่อสู้กัน แต่เป็นคดีเล็กน้อยซึ่งไม่น่าจะใช่สาเหตุที่ไม่ยอมมาให้ปากคำ แต่ก็น่าสงสัยเช่นกันว่าในกลุ่มนี้อาจจะมีประวัติที่ไม่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบหรือไม่ ตนก็ยังไม่ทราบ
อย่างไรก็ตาม หากกลุ่มลูกน้องของนายชาดาไม่มาให้ปากคำอีก หรือไม่ติดต่อกลับมาคงต้องออกหมายเรียก แต่ตอนนี้อาจจะต้องให้เวลาเขาทำใจ เนื่องจากครั้งแรกให้เหตุผลว่าขอจัดการงานศพก่อน และครั้งนี้ให้เหตุผลเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย ฉะนั้นคงต้องให้เวลากับผู้สูญเสีย แต่หากนานเกินไปคงต้องออกหมายเรียกให้มาพบพนักงานสอบสวน
“การทำงานของตำรวจตอนนี้คือพยายามควานหารถยนต์ตามที่พยานบอกในครั้งแรกทั้งในพื้นที่ ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง, อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา และ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ให้ครอบคลุมทั้งหมด คิดว่าน่าจะไม่ยากนัก และเชื่อว่าขอเวลาให้ชุดสืบสวนได้รวบรวมหลักฐานต่างๆ อีกประมาณ 1 สัปดาห์จะสรุปคดีนี้ได้แน่นอน” พล.ต.ท.ภาณุกล่าว
ด้าน พ.ต.อ.วชิรวิชญ์ กฤษณ์ฤทธิศักย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (รอง ผบก.ภ.จว.) นครราชสีมา ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนคลี่คลายคดีดังกล่าว เปิดเผยว่า ได้เรียกสอบปากคำพยานและชาวบ้านที่อยู่ตามรายทางที่เชื่อว่าเป็นเส้นทางคนร้ายหลบหนี กว่า 50 ปากแล้ว แต่ยังไม่ได้เบาะแสคนร้ายที่ชัดเจน และได้เรียกเจ้าของรถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นสตราด้า สีอ่อน ทั้งที่โหลดเตี้ยและไม่โหลดเตี้ย มาแสดงตัวทั้งหมดเพื่อให้ตำรวจได้ตรวจสอบรถยนต์ ตอนนี้เรียกรถยนต์ลักษณะดังกล่าวทั้งในพื้นที่ อ.ปากช่อง, อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา และ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี มาตรวจสอบแล้วหลายสิบคันแต่ยังไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด
“สิ่งสำคัญตอนนี้คืออยากให้พยานที่อยู่ในรถคันเกิดเหตุมาให้ปากคำโดยเร็วที่สุด หรือจะให้ตำรวจไปพบที่ จ.อุทัยธานี ก็พร้อมเดินทางไปตลอด 24 ชั่วโมง และล่าสุดทาง พล.ต.ต.องอาจ ผิวเรืองนนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ได้เพิ่มเงินรางวัลให้กับผู้แจ้งเบาะแสจนนำไปสู่การจับกุมคนร้ายได้ จากเดิม 50,000 บาท เป็น 100,000 บาท ” พ.ต.อ.วชิรวิชญ์กล่าว