“ชาวปากช่อง” โคราชสุดทนบุกศาลากลางฯ - ร้องถูก ตร.รังแกขับไล่พ้นที่ดินทำกิน

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ชาวปากช่อง สุดทน รวมตัวบุกศาลากลางโคราช ร้องถูกตำรวจรังแก เผยเช่าที่ราชพัสดุมานานกว่า 30 ปี แต่หลังจาก สตช.ขอใช้พื้นที่เพื่อสร้างสถาบันพัฒนาขรก.ตำรวจ รวมกว่า 1,900 ไร่ ได้ส่ง จนท.เข้าคุกคามชาวบ้านทุกรูปแบบเพื่อขับไล่ออกจากพื้นที่ ทั้งที่ไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้พื้นที่ทั้งหมด เสนอขอกันบางส่วนให้ชาวบ้านได้อยู่อาศัย-ทำกินต่อไป

วันนี้ (16 ส.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่หน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา กลุ่มประชาชน ชาวบ้านหนองไผ่ หมู่ 14 ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จำนวนกว่า 50 คน นำโดย นายจำเนียร แก่นทอง ผู้ใหญ่บ้านบ้านหนองไผ่ หมู่ 14 และ นายพาส อินทรประพงษ์ ทนายความ เดินทางเข้าร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมจากผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา หลังได้รับความเดือดร้อนจากการใช้พื้นที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

นายจำเนียร แก่นทอง ผู้ใหญ่บ้านบ้านหนองไผ่ แกนนำชาวบ้าน เปิดเผยว่า มีราษฎรที่อาศัยและทำกินในพื้นที่ หมู่บ้านหนองไผ่ล้อม หมู่ 14 มานานกว่า 30 ปี รวมกว่า 260 หลังคาเรือน โดยได้ทำการเช่าที่ดินราชพัสดุเพื่ออยู่อาศัยและทำกินประมาณ 1,200 ไร่ ซึ่งจ่ายค่าเช่าให้กับกองทัพบกมาโดยตลอด แต่เมื่อปี 2548 ทางกองทัพบกได้คืนที่ดินจำนวน 1,900 ไร่ ซึ่งเป็นที่ราชพัสดุให้แก่กรมธนารักษ์ โดยสำนักงานธนารักษ์จังหวัดนครราชสีมาเป็นผู้ดูแลที่ราชพัสดุดังกล่าว จากนั้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้ทำหนังสือขอใช้ที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียน ที่ นม.521 ต.หนองสาหร่าย อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา เนื้อที่ประมาณ 1,919 ไร่เพื่อก่อสร้างสถาบันพัฒนาข้าราชการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งรวมถึงหมู่บ้านหนองไผ่ ที่จะถูกขับไล่ออกนอกพื้นที่อาศัยและทำกินดังกล่าวด้วย

ต่อมาทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปทำการขับไล่ชาวบ้านในทุกรูปแบบ เพื่อให้ประชาชนออกจากพื้นที่ดังกล่าว ส่งผลให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก และได้ยื่นหนังสือร้องเรียนไปยังนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าว ด้วยการกันพื้นที่ให้กับชาวบ้านได้อยู่อาศัยและทำกิน ด้วยการเช่าที่ราชพัสดุตามเดิมต่อไป

ด้าน นายพาส อินทรประพงษ์ แกนนำชาวบ้านอีกคน กล่าวว่า การเดินทางมาชุมนุมในครั้งนี้เพื่อเรียกร้อง 4 ข้อหลัก คือ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หยุดดำเนินการใด ๆ ในลักษณะการเข้าครอบครองที่ดิน และคุกคามชาวบ้าน ตั้งแต่วันที่ยื่นข้อเรียกร้องนี้ จนกว่าจะมีการพิจารณาร่วมกันเพื่อให้ได้ความชัดเจนและเป็นข้อยุติ

2.ให้จัดสรรพื้นที่ให้ราษฎรได้อยู่อาศัยและทำกินจำนวน 1,200 ไร่ โดยให้เช่าพื้นที่ทั้งหมดจากกรมธนารักษ์โดยตรง

3. ให้จัดสรรพื้นที่ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจำนวน 700 ไร่ ในส่วนที่เป็นพื้นที่ทำการเกษตรที่เคยสำรวจไว้แล้ว และให้ดำเนินการก่อสร้าง ล้อมรั้วเฉพาะพื้นที่ส่วนดังกล่าว

และ 4. ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่ยื่นข้อเรียกร้องนี้และในระหว่างดำเนินการนี้ให้ตำรวจหยุดใช้สิทธิ์ในการห้ามชาวบ้านก่อสร้าง ต่อเติมที่อยู่อาศัยและทำกิน ที่อยู่ภายในพื้นที่จัดสรรให้ราษฎรจำนวน 1,200 ไร่

ต่อมา นายสกลสฤษดิ์ บุญประดิษฐ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชัยเดช ปานรักษา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (รอง ผบก.ภ.จว.) นครราชสีมาเดินทางมารับหนังสือข้อเรียกร้อง จากกลุ่มผู้ชุมนุมพร้อมรับปากจะนำข้อเรียกร้องดังกล่าวเสนอไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนโดยเร็ว สร้างความพอใจให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมก่อนสลายตัวกันบ้านด้วยความสงบเรียบร้อย