พระนครศรีอยุธยา - ชาวบางบาล พระนครศรีอยุธยา ผวาจนนอนไม่หลับ หลังพบน้ำเซาะพื้นที่ริมตลิ่งพังอีก ส่งผลดินพังทลายไหลลงแม่น้ำ จี้ภาครัฐเข้าแก้ปัญหา และช่วยเหลือตรวจสอบด่วน
วันนี้ (15 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากชาวบ้านว่า แนวตลิ่งที่ดินว่างเปล่า ริมแม่น้ำน้อยในพื้นที่หมู่ 5 ต.พระขาว อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ทรุดตัวพังทลายจึงเดินทางไปตรวจสอบ พบแนวดินหลังแนวเขื่อนคอนกรีตทรุดตัวลง จนคานที่เชื่อมกับแนวรั้วหักพังลงไปในแม่น้ำ
นายสมเกียรติ เหล่าชำนาญวานิช อายุ 60 ปี เจ้าของที่ดิน เปิดเผยว่า ตนได้ซื้อที่ดินดังกล่าว และถมดินทิ้งพร้อมสร้างเขื่อคอนกรีตป้องกันการกัดเซาะ ยาว 22 เมตร โดยตอกเสาเข็มลึกลงไปในดิน 10 เมตร ทั้งด้านนอก และด้านใน มีการเทคานคอดินตอกยึดเอาไว้กับเสาเข็ม แต่เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา แนวตลิ่งได้ทรุดตัวลงโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่คาดว่าพื้นดินบริเวณนี้เป็นดินทราย ประกอบกับเป็นช่วงโค้งน้ำ จึงต้องรับการไหลของกระแสน้ำที่พุ่งตรงมายังแนวรั้ว และกระแสน้ำอาจจะไหลม้วนกวาดทรายชั้นล่างจนเป็นโพรง ทำให้ดินที่ถมเกิดการทรุดตัวลงจนแนวเขื่อนและรั้วพัง เตรียมจะปรึกษากับทาง อบต.พระขาว อ.บางบาล ให้ส่งวิศวกรเข้าตรวจสอบ ไม่รู้ว่าทางราชการจะมีทางช่วยเหลือได้อย่างไรบ้าง ประกอบกับแนวรั้วที่พังห่างจากจุดที่ตนกำลังก่อสร้างสถานปฎิบัติธรรม “สัปปายะสถานธรรม” เพียง 17 เมตร เกรงว่าหากดินที่ถมเอาไว้เกิดการทรุดตัวลงอีกจะส่งผลกระทบ
สำหรับแนวเขื่อนลงทุนก่อสร้างไปกว่า 2 ล้านบาท ส่วนศูนย์ปฎิบัติธรรมจะใช้งบอีก 8 ล้านบาท รวมงบก่อสร้างทั้งหมด 10 ล้านบาท เพื่อเอาไว้ให้เป็นศูนย์ที่คนไทยได้มารวมกันทำกิจกรรมในการปฎิบัติธรรมเป็นอาหารทางใจในบั้นปลายของชีวิต คาดว่า จะสร้างเสร็จในเดือนมีนาคม 2556 เมื่อแนวตลิ่งพังลงไปอาจจะทำให้การก่อสร้างล่าช้าไปอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงต่างหวาดผวาว่า แนวตลิ่งริมแม่น้ำน้อยจะทรุดตัวพังในจุดนี้อีก จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยตรวจสอบหาสาเหตุ และหาแนวทางป้องกันก่อนที่แนวตลิ่งจะพังลงไปอีก
วันนี้ (15 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากชาวบ้านว่า แนวตลิ่งที่ดินว่างเปล่า ริมแม่น้ำน้อยในพื้นที่หมู่ 5 ต.พระขาว อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ทรุดตัวพังทลายจึงเดินทางไปตรวจสอบ พบแนวดินหลังแนวเขื่อนคอนกรีตทรุดตัวลง จนคานที่เชื่อมกับแนวรั้วหักพังลงไปในแม่น้ำ
นายสมเกียรติ เหล่าชำนาญวานิช อายุ 60 ปี เจ้าของที่ดิน เปิดเผยว่า ตนได้ซื้อที่ดินดังกล่าว และถมดินทิ้งพร้อมสร้างเขื่อคอนกรีตป้องกันการกัดเซาะ ยาว 22 เมตร โดยตอกเสาเข็มลึกลงไปในดิน 10 เมตร ทั้งด้านนอก และด้านใน มีการเทคานคอดินตอกยึดเอาไว้กับเสาเข็ม แต่เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา แนวตลิ่งได้ทรุดตัวลงโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่คาดว่าพื้นดินบริเวณนี้เป็นดินทราย ประกอบกับเป็นช่วงโค้งน้ำ จึงต้องรับการไหลของกระแสน้ำที่พุ่งตรงมายังแนวรั้ว และกระแสน้ำอาจจะไหลม้วนกวาดทรายชั้นล่างจนเป็นโพรง ทำให้ดินที่ถมเกิดการทรุดตัวลงจนแนวเขื่อนและรั้วพัง เตรียมจะปรึกษากับทาง อบต.พระขาว อ.บางบาล ให้ส่งวิศวกรเข้าตรวจสอบ ไม่รู้ว่าทางราชการจะมีทางช่วยเหลือได้อย่างไรบ้าง ประกอบกับแนวรั้วที่พังห่างจากจุดที่ตนกำลังก่อสร้างสถานปฎิบัติธรรม “สัปปายะสถานธรรม” เพียง 17 เมตร เกรงว่าหากดินที่ถมเอาไว้เกิดการทรุดตัวลงอีกจะส่งผลกระทบ
สำหรับแนวเขื่อนลงทุนก่อสร้างไปกว่า 2 ล้านบาท ส่วนศูนย์ปฎิบัติธรรมจะใช้งบอีก 8 ล้านบาท รวมงบก่อสร้างทั้งหมด 10 ล้านบาท เพื่อเอาไว้ให้เป็นศูนย์ที่คนไทยได้มารวมกันทำกิจกรรมในการปฎิบัติธรรมเป็นอาหารทางใจในบั้นปลายของชีวิต คาดว่า จะสร้างเสร็จในเดือนมีนาคม 2556 เมื่อแนวตลิ่งพังลงไปอาจจะทำให้การก่อสร้างล่าช้าไปอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงต่างหวาดผวาว่า แนวตลิ่งริมแม่น้ำน้อยจะทรุดตัวพังในจุดนี้อีก จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยตรวจสอบหาสาเหตุ และหาแนวทางป้องกันก่อนที่แนวตลิ่งจะพังลงไปอีก