ตราด - รมช.คมนาคมลงพื้นที่เกาะช้างดูปัญหาสร้างถนนรอบเกาะช้างดันทำสะพานข้าม ส่วนท่าเรือคลองใหญ่ขอเวลา 1 เดือนยุติปัญหากับป่าชายเลน หวั่นเสียโอกาสประเทศ ด้าน พล.ท.ปรีชา วรรณรัตน์ ลุแก่อำนาจ “ประจาน” และชี้หน้านักข่าวช่อง 7 เป็นเด็ก ปชป.
วันนี้ (5 ส.ค.) ที่สำนักงานกิจการร่วมค้า ไอทีดี-ยูนิค ผู้รับเหมาโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ จ.ตราด พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.คมนาคม ผู้กำกับดูแลกรมเจ้าท่า เดินทางมาตรวจราชการและรับทราบปัญหาอุปสรรคการก่อสร้างท่าเทียบเรืออเนกประสงค์คลองใหญ่ จ.ตราด พร้อม พล.ท.ปรีชา วรรณรัตน์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.ตราด พรรคเพื่อไทย มีนายจำรูญ ตั้งไพศาลกิจ อธิบดีกรมเจ้าท่า หลังเดินทางมาถึงนายสมชาย สุมนัสขจรกุล ผู้อำนวยการสำนักวิศวกรรม กรมเจ้าท่า ได้รายงานถึงรายละเอียดโครงการและสภาพปัญหา โดยพื้นที่ป่าชายเลน 1 ไร่ 3 งาน 6 ตารางวา ที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าสนอ่อน ป่าคลองใหญ่ ป่าคลองมะขาม ทำให้ไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ต้องหยุดชะงักมานาน 4 เดือนแล้ว
จากนั้น พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก เดินทางมาที่สะพานท่าเทียบเรือที่เป็นสถานที่ก่อสร้างและมีปัญหา พบป่าชายเลนจำนวนหนึ่งถูกผู้รับเหมาเปิดพื้นที่เพื่อการก่อสร้าง และเป็นปัญหาต้องทำให้หยุดการดำเนินการ ซึ่ง รมช.คมนาคมได้รับทราบปัญหาและให้ดำเนินการก่อสร้างสะพานไปก่อน ส่วนการประสานงานกับกรมป่าไม้ และกระทรวงทรัพย์จะได้ดำเนินการให้แล้วเสร็จใน 11 เดือน เนื่องจากโครงการมีประโยชน์ในทางเศรษฐกิจสูง
พล.ต.ท.ชัจจ์กล่าวว่า ก่อนเดินทางมาที่ อ.คลองใหญ่ ได้ไปตรวจพื้นที่ก่อสร้างถนนรอบเกาะช้างที่บ้านบางเบ้าเพื่อต่อไปยังบ้านโรงถ่านใน อ.เกาะช้าง พบว่าหากจะดำเนินการควรจะทำถนนลักษณะเลียบชายฝั่ง และบางส่วนอาจจะต้องทำสะพานยกสูงข้ามต้นไม้เพื่อป้องกันการทำลายต้นไม้ที่ผ่านพื้นที่อุทยานแห่งชาติฯ ซึ่งอาจจะต้องใช้งบประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท แต่ผลที่จะเกิดขึ้นทางเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวมีสูงถึง 7,000 ล้านบาทจึงน่าจะคุ้มค่า อีกทั้งยังดูแลสภาพแวดล้อมด้วย แต่โครงการเดิมที่อยู่ระหว่างการศึกษาอาจจะยังไม่ยกเลิก แต่ต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนสะพานท่าเรือ อ.คลองใหญ่นั้น พล.ต.ท.ชัจจ์กล่าวว่า อุปสรรคและปัญหาที่พบก็มีเพียงพื้นที่ป่าชายเลน 1 ไร่กว่าที่อยู่ในพื้นที่ก่อสร้างอาคารร่วมเท่านั้น ส่วนพื้นที่ก่อสร้างสะพานไม่ได้มีผลกระทบเพราะเป็นการสร้างแทนสะพานเก่าที่ถูกทุบทิ้งไป ซึ่งแนวคิดของตนควรจะให้ทางผู้รับเหมาดำเนินการก่อสร้างในส่วนของสะพานไปก่อนเพราะจะเกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ และการค้าชายแดน โดยสะพานแห่งนี้จะใช้เวลาก่อสร้างถึง 900 กว่าวันและจะเสร็จทันก่อนที่ไทยจะเข้าไปเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 เพราะสะพานแห่งนี้จะเป็นท่าเรือเพื่อขนส่งสินค้าส่งออกไปยังกัมพูชา เวียดนาม และจีนได้ปีละ 20,000-30,000 ล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวหากสร้างเสร็จทันโครงการ ส่วนปัญหาป่าชายเลนจะได้คุยกับนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้ดูแลในเรื่องนี้
หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวได้ถาม พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก ถึงเรื่องงานของกระทรวงคมนาคมในรอบ 1 ปีที่นำเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา รวมทั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านต่อกระทรวงคมนาคมเป็นอย่างไร พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก กล่าวว่า ในส่วนของผลงานนั้นมีมากมาย และเจ้าหน้าที่กำลังจัดทำเอกสารเพื่อเรียนให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ ส่วนเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ กระทรวงคมนาคมไม่มีจุดไหนที่ทางฝ่ายค้านจะนำมาเป็นประเด็นในการโจมตีได้ ส่วนเรื่องการใช้สนามบินดอนเมืองของแอร์เอเชียนั้น รมว.จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เป็นผู้รับผิดต้องไปสอบถาม รมว.จารุพงษ์ เรืองสุวรรณ เอง
เมื่อผู้สื่อข่าวจะสอบถามต่อแต่ พล.ท.ปรีชา วรรณรัตน์ ที่ยืนอยู่ข้างๆ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก ก็พูดขึ้นมาว่า ผู้สื่อข่าวถามนอกประเด็น วันนี้ท่านรัฐมนตรีมาตรวจราชการเรื่องเกาะช้าง และสะพาน และบอกว่านักข่าวคนนี้เป็นเด็กของพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้วงสัมภาษณ์แตก และ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก ได้เดินทางออกจากวงและเตรียมเดินทางกลับ
พล.ท.ปรีชา วรรณรัตน์ กล่าวกับหัวหน้าส่วนราชการทั้งกรมเจ้าท่าและส่วนราชการของ จ.ตราดว่า ผู้สื่อข่าวเป็นเด็กของพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งคำถามไม่เหมาะเพราะรัฐมนตรีมาคนละงาน ผู้สื่อข่าวช่อง 7 ตอบว่า “ท่านไม่รู้เรื่องอย่ามาพูด ผมสามารถสอบถามในประเด็นเหล่านี้ได้”
พล.ท.ปรีชา วรรณวัตน์ เดินออกไปแล้วยังหันมาชี้หน้าผู้สื่อข่าวช่อง 7 และบุตรชาย (ที่กำลังถ่ายภาพ) ว่า ลงข่าวให้ดีๆ นะ ระวังด้วย ผู้สื่อข่าวก็ตอบไปว่า อย่างนี้ถือว่าคุกคามสื่อและขอให้ดูในหน้าหนังสือพิมพ์เอง ท่ามกลางสายตาของหัวหน้าส่วนราชการกว่า 50 คนที่งุนงงกับเหตุการณ์ในครั้งนี้