ประจวบคีรีขันธ์ - ตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ นำกำลังจับกุมคนขับรถยนต์ปิกอัพ บรรทุกกัญชาอัดแท่งล๊อตใหญ่จากภาคอีสานเตรียมส่งลงภาคใต้ได้ 601 แท่ง น้ำหนักประมาณ 600 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 6 ล้านบาท บนถนนเพชรเกษม ต.เกาะหลัก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ รับสารภาพได้ค่าจ้างขน 4 หมื่นบาท
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (16 ก.ค.55) พ.ต.ท.เด่นหล้า รัตนกิจ สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ ได้ข้อมูลเบาะแสว่าจะมีรถยต์ปิดอัพขนกัญชาอัดแท่ง จากทางภาคอีสานมุ่งหน้าลงภาคใต้ หลังได้รับทราบข้อมูลจึงวางแผนร่วมกับ ร.ต.อ.ชนะภัย วิเชียรเกื้อ, ร.ต.ท.สำราญ แก้วโก, ด.ต.พีรวัส นวกาญจนา, ด.ต.บุญโปรด เตียวิลัย, ด.ต.วังทอง ศรัณย์วิริยะพงศ์, ด.ต.ธำมรงค์ กำไลทอง, ด.ต.ประยูร ขลุกเอียด, ด.ต.ธีรยุทธ เพื่อติดตามหารถที่ใช้ขนกัญชา โดยตำรวจทางหลวงระบุว่า รถต้องสงสัยเป็นรถยนต์โตโยต้า วีโก้ ตอนครึ่ง สีบรอนด์ หมายเลชทะเบียน ตฉ.8557 กรุงเทพ
ต่อมา พ.ต.ท.เด่นหล้า รัตนกิจ สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ พร้อม ร.ต.อ.ชนะภัย วิเชียรเกื้อ ได้แบ่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงออกเป็น 3 ชุด และสั่งการให้หน่วยบริการตำรวจทางหลวง ตั้งแต่อำเภอหัวหิน-อำเภอบางสะพานน้อย กระจายกำลังตั้งด่านตรวจ และตำรวจทางหลวงส่วนหนึ่ง ออกตระเวนตรวจสอบเส้นทางเพชรเกษม ฝั่งขาลงภาคใต้ รวมไปถึงตำรวจทางหลวงส่วนที่เหลือ ตรวจสอบบริเวณห้างโลตัส และปั้มน้ำมันเพื่อหารถต้องสงสัยคันดังกล่าว
หลังจากใช้ความพยามในการติดตามหารถต้องสงสัยนานกว่า 2 ชม ชุดของ ร.ต.อ.ชนะภัย วิเชียรเกื้อ รองสารวัตรสถานีตำรวจทางหลวงประจวบฯ พร้อมตร.ทางหลวงส่วนหนึ่ง ได้พบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ตามที่ได้รับแจ้งจอดอยู่ริมถนนเพชรเกษมฝั่งขาเข้ากรุงเทพ หลักกิโลเมตรที่325 -326 9 ต.เกาะหลัก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ กำลังจอดติดเครื่องยนต์อยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง จึงเข้าตรวจสอบทันทีพบชายคนขับรถยนต์ และได้เคาะกะจกเรียกให้ลงมาจากรถยนต์คันดังกล่าว และตรวจสอบภายในรถยนต์พบบริเวณกะบะท้ายซึ่งมีหลังคาแครี่บอยปิดไว้
เมื่อตำรวจเปิดออกดูพบมีผ้าห่มลายดอกสีเขียวปิดทับสิ่งของอยู่ จึงเปิดออกดูพบถุงพลาสติกสีดำแพ็คซีนมาอย่างดีเต็มท้ายรถ ซึ่งเมื่อแกะออกดูพบเป็นกัญชาอัดแท่ง จึงควบคุมตัวคนขับทราบชื่อนายจา พ่อนามแดง อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39 หมู่ 2 ต.โคกสี อ.วังยาว จ.นครพนม มาสอบสวนที่สถานีตำรวจทางหลวงประจวบฯ
ซึ่งนายจา ผู้ต้องหารายนี้ยอมรับว่า รับจ้างขนกัญชาจากกรุงเทพ เพื่อนำไปส่งลูกค้าให้ภาคใต้ในราคาค่าจ้าง 4 หมื่นบาท โดยจะมีคนโทรศัพท์มาติดต่อรับรถยนต์ อีกทอดที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งระหว่างการสอบสวนอยู่นั้นมีโทรศัพท์เข้ามาที่เครื่องของนายจา เจ้าหน้าที่ทางตำรวจทางหลวงให้ผู้ต้องหาเปิดลำโพงนอกและให้แจ้งจุดรับส่งของในห้างโลตัสริมถนนเพชรเกษมประจวบฯ
หลังจากนายจานักหมายแล้วจึงได้นำผู้ต้องหาขึ้นรถยนต์ไปยังห้างโลตัส สาขาประจวบฯ และจอดรถยนต์ปิดอัพโตโยต้า ที่บรรทุกกัญชาอัดแท่งเอาไว้ในบริเวณลานจอด โดย พ.ต.ท.เด่นหล้า รัตนกิจ สารวัตรทางหลวงประจวบฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอีกชุดคอยสังเกตุรถยนต์ ที่เข้ามาและนำผู้ต้องหาขึ้นรถยนต์อีกคัน กลับออกมาบนถนนเพชรเกษม
ระหว่างนั้น นายจา ผู้ต้องหาได้เห็นรถยนต์กะบะยี่ห้ออีซูซุสีบรอนด์ ตอนครึ่งหมายเลขทะเบียน บบ.3292 กาฬสินธ์ สวนกลับเข้าไปในห้างโลตัสจึงแจ้งกับตำรวจทางหลวง ว่าเป็นผู้ที่โทรศัพท์เข้ามา ขณะนั้นผู้ขับขี่รถยนต์ปิดอัพอีซูซุได้โทรศัพท์มาแจ้งเปลี่ยนจุดนัดหมายอีกหลายครั้ง
จนกระทั่งตำรวจทางหลวงคาดว่าผู้ที่จะมารับรถขนกัญชาต่อน่าจะทราบถึงความผิดปกติ เพราะมีการเปลี่ยนจุดบ่อย จึงขับรถยนต์ติดตามและให้สัญญาณหยุดรถและแสดงตัวเข้าตรวจสอบ บริเวณบนถนนเพชรเกษม อ.เมือง จ.ประจวบฯ และเชิญตัวมาสอบสวนที่สถานีตำรวจทางหลวง 3 กองกำกับการ 2 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และกล่าวกับตำรวจทางหลวงเพียงสั้นๆ ว่า ทำหน้าที่เป็นผู้เคลียร์เส้นทางตั้งแต่จังหวัด นครพนม เพื่อให้นายจา นำกัญชาไปส่งต่อที่จังหวัดพัทลุง โดยหากตนเองพบมีการตั้งด่านตรวจจุดไหน ก็จะแจ้งให้นายจาได้รับทราบ เพื่อหลีกเลี่ยงหรือหาทางเลี่ยง
ซึ่งครั้งนี้ได้เงินค่าจ้าง 5 หมื่นบาท อย่างไรก็ตามตำรวจทางหลวงประจวบฯ กล่าวด้วยว่าทั้งสองคนพูดจาไม่ตรงกัน ซึ่งทางนาจารับสารภาพว่า รับช่วงขับรถยนต์ขนกัญชามาจาก บางบัวทอง ส่วนผู้ต้องสงสัยที่ขับรถยนต์อีซุซุ กล่าวว่าขับมาจากจังหวัดนครพนม และทางตำรวจทางหลวงขอตรวจสอบโทรศัพท์ ซึ่งผู้ขับขี่รถยนต์อีซูซุกล่าวว่าได้หักซิมทิ้งไปแล้วซึ่งได้ควบคุมตัวไปหาแต๋ก็ไม่พบซิมโทรศัพท์แต่อย่างใด
พ.ต.ท.เด่นหล้า รัตนกิจ สารวัตรตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ กล่าวด้วยว่า กัญชาอัดแท่งซึ่งบรรจุในถุงดำมีการแพ็คกันน้ำมาอย่างดี 18 ห่อใหญ่โดยที่สังเกตุบริเวณถุงพลาสติกวีดำมีรอยโคลนเปอะเปื้อนมาแทบทั้ง 18 ห่อใหญ่เปียกน้ำคาดว่าน่าจะมีการขนมาจากทางฝั่งลาวทางแถบภาคอีสาน
เมื่อแกะออกมาจะพบว่ามีห่อเล็กแท่งสี่เหลี่ยมห่อหุ้มด้วยฟอยด์กันน้ำอย่างดีอีกชั้น แต่ภายในแกะออกดูเป็นเนื้อกัญชาบดอัดมาอย่างดี ซึ่งน้ำหนักรวมทั้งหมดประมาณกว่า 600 กิโลกรัม จากทั้งหมดแท่ง 601 แท่งแท่งละประมาณ 1 กิโลกรัม ราคาซื้อขายในเมืองไทยอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 1 หมื่นบาท ซึ่งครั้งนี้คิดเป็นมูลค่ากว่า 6 ล้านบาท แต่หากผ่านไปถึงต่างประเทศจะมีมูลค่าสูงกว่านี้
หลังจากนั้นตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ จึงได้แจ้งข้อหามียาเสพติดประเภท 5 ไว้ในครอบครองหรือเพื่อจำหน่าย และควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป