ประจวบคีรีขันธ์ - ชาวไร่สับปะรดทยอยสมทบม็อบที่ประจวบฯ เพิ่มมากขึ้นกว่า 3 พันคน ฮือปิดถนนเพชรเกษม ประจวบฯ แล้ว ทำให้การจราจรลง 14 จังหวัดภาคใต้ และเข้ากรุงเทพฯ อัมพาต
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ประจวบคีรีขันธ์ว่า เมื่อเวลา 11.15 น.วันนี้ (30 มี.ค.) กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดหลายจังหวัด ได้ยกระดับการชุมนุมด้วยการตัดสินใจปิดถนนเพชรเกษม และนำสับปะรดมาเทลงบนถนนทั้ง 2 ฝั่ง ทั้งขาลง 14 จังหวัดภาคใต้ และฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ บริเวณถนนเพรชเกษม ระหว่าง กม.ที่ 312 เนินเขาช่อง 9 ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทำให้การจราจขาลงใต้ทั้ง 14 จังหวัด และฝั่งเข้ากรุงเทพฯ เป็นอัมพาต ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงประจวบคีรีขันธ์ และตำรวจภูธรประจวบคีรีขันธ์ ต้องเข้าควบคุมสถานการณ์ และจัดเส้นทางเลียงม็อบทันที
รายงานข่าวแจ้งว่า แม้นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายสิริวุฒิ เหมทัต ปลัดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และ พล.ต.ต.วิเชียร ตันตะวิริยะ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จะได้เข้าเจรจากับแกนนำม็อบเพื่อขอให้เปิดทาง แต่กลุ่มชาวไร่สับปะรดที่เดินทางมาจาก จ.กาญจนบุรี ราชบุรี ระยอง ชลบุรี อุทัยธานี และ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไม่ยินยอม ทำให้บรรยากาศตึงเครียดมากขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม มีการเจรจาขอให้กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด ให้เปิดเส้นทางสำหรับรถฉุกเฉิน รถพยาบาล และผู้เจ็บป่วยต่างๆ ซึ่งทางกลุ่มผุ้ชุมนุมประท้วงก็ตอบรับสำหรับเรื่องดังกล่าว
นอกจากนี้ เส้นทางเลี่ยงเมืองที่เข้ากรุงเทพฯ บริเวณบ้านนิคม อ่าวน้อย เพื่อไปออกเส้นทางบริเวณสี่แยกบ่อนอกนั้น ก็ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมแบ่งกำลังออกไปปิดถนนเช่นกัน เพื่อให้ทั้งการจราจรทั้งขาเข้ากรุงเทพฯ และลงภาคใต้เป็นอัมพาตจริงๆ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทางจังหวัดก็ได้พยายามเจรจา เพราะจะส่งผลกระทบเดือดร้อนหนักขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า เบื้องต้นการชุมนุมในครั้งนี้มีเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดที่เดือดร้อนมาปิดถนนจากช่วงเช้าเพิ่มขึ้นถึง 3,000 คนแล้ว ส่วนประชาชนที่ใช่รถใช้ถนนต่างบอกเข้าใจถึงปัญหาผลผลิตทางการเกษตรที่กำลังรอความช่วยเหลือจากรัฐบาล
ม็อบสลายแลเวหลังปิดถนนมากว่า 2 ชั่วโมง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากนายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ ได้เจรจากับกลุ่มเกษตรกรชาวไร่สับปะรด จากหลายจังหวัดรวมทั้งประจวบฯกว่า 3,000 คนที่เทสับปะรดบนพื้นผิวถนนและปิดถนนที่เนินเขาช่อง 9 ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบฯ ทั้งฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ และลงภาคใต้ ซึ่งผู้ว่าฯประจวบฯ ได้แจ้งในที่ชุมนุมประท้วงว่า ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยอมรับแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรที่เดือดร้อน ซึ่งมีผลผลิตมวลรวม 2 แสนตัน โดยจัดซื้อในราคากิโลกรัมละ 4 บาททั้งหมดออกไป ซึ่งชาวไร่ส่วนหนึ่งเห็นว่ามีผลเป็นที่น่าพอใจ จึงยอมเปิดการจราจรทั้ง 2 ฝั่ง
สลายได้แค่ครึ่งชั่วโมงกลับมาชุมนุมต่อ
แต่หลังจากนั้นเพียงครึ่งชั่วโมงกลุ่มเกษตรกรชาวไร่สับปะรด อีกส่วนได้นำรถยนต์ปิคอัพ และรถบรรทุก ขนสับปะรดไปโยนทิ้งบนผิวการจราจรเพื่อปิดถนนบริเวณดังกล่าว ส่งผลให้การจราจรทั้งฝั่งขาขึ้นและฝาขาล่อง ติดขัดอย่างหนักยาวกว่า 10 กว่า 10 กิโลเมตร ถึงแม้จะมีการระบายการจราจรฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ ด้วยวิธีให้รถยนต์เข้าไปใช้เส้นทาง โรงเรียนบ้านยุบพริก และไปออกที่หน่วยบริการตำรวจทางหลวงกุยบุรี
ส่วนฝั่งลงภาคใต้ให้ใช้เส้นทาง หน่วยตำรวจทางหลวงกุยบุรี และมาออกบริเวณถนนเพชรเกษมโรงเรียนบ้านยุบพริก ซึ่งล่าสุดทางสถานีตำรวจทางหลวงประจวบฯ เปิดช่องทางพิเศษ กม.297 บ้านหนองกระทิง อ.กุยบุรี ไปออกที่บ้านทุ่งโก อ.เมือง จ.ประจวบฯ ซึ่งเป็นเส้นถนนลูกลังระยะทางประมาณ 9 กม. เพื่อเป็นการระบายการจราจรอีกหนึ่งเส้นทาง ซึ่งสามารถสอบเส้นทางการจราจรได้ที่ 032-611276
แต่อย่างไรก็ตามผู้ที่ขับรถยนต์และมาติดอยู่บนถนนเพชรเกษม ประจวบฯจำนวนมากต่างได้รับความเดือดร้อน เพราะบางส่วนต้องขนส่งสินค้าและเดินทางไปทำธุระ และอยากให้หน่วยงานเกี่ยวข้องช่วยกันเจรจาหาทางออกโดยเร็วที่สุด เพื่อทุกฝ่ายไม่เดือดร้อน
เรียกร้องให้นายกฯลงมาเจรจา
โดยผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ และ พล.ต.ต.วิเชียร ตันตะวิริยะ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบฯ ได้เดินทางไปเจรจากับกลุ่มชาวไร่สับปะรดที่ปิดถนนที่สี่แยกบ่อนอก ถึงแม้รัฐบาลจะยอมช่วยเหลือแล้วก็ตาม แต่เกษตรกรก็เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ลงมาเจรจาข้อตกลงด้วยตัวเอง โดยเห็นว่าต้องช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดทั้งหมด รวมไปถึงกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนด้วย และจะไม่เจรจากับผู้ที่ตัดสินใจไม่ได้อีกแล้ว ทำให้การชุมนุมเป็นไปด้วยความตรึงเครียด โดยกำลังตำรวจจากประจวบฯ และ อส. หลายร้อยนายพร้อมหน่วยปฏิบัติการพิเศษ เข้ารักษาความสงบและการจายอยู่โดยรอบพื้นที่การชุมนุมที่สี่แยกบ่อนอก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์
จนเวลา 16.00 น.หลังจากกลุ่มผู้ชุมนุมได้รับทราบมติของคณะกรรมการนโยบายพัฒนาสับปะรดแห่งชาติที่เห็นชอบในการอนุมัติงบประมาณ 800 ล้านบาท เพื่อรับซื้อผลผลิตออกนอกระบบจำนวน 2 แสนตัน ในราคากิโลกรัมละ 4 บาท ชาวบ้านจึงยอมสสายการชุมนุม
