ประจวบคีรีขันธ์ - รมว.เกษตรฯ ยอมรับข้อเสนอของตัวแทนกลุ่มชาวไร่สับปะรด เสนอการแก้ปัญหาสับปะรดที่เกินความต้องการของตลาด 2 แสนตัน โดยของบ 800 ล้านบาท ซื้อทำอาหารสัตว์ และให้โรงงานจัดซื้อจากชาวไร่ทำสับปะรดกระป๋องในราคากิโลกรัมละ 4 บาท โดยให้ภาครัฐเข้ามาดำเนินการ แต่เกษตรกรยังยืนยันพรุ่งนี้ม็อบทั้งที่ศาลากลางและริมถนนเพชรเกษม ประจวบฯ เพื่อรอฟังคำตอบที่ชัดเจนจากคณะกรรมการนโยบายพัฒนาสับปะรดแห่งชาติ ที่จะมีการประชุมในวันพรุ่งนี้ที่ ก.เกษตรฯ ด้านตำรวจทางหลวงประจวบฯ เตรียมเส้นทางสำรอง
มีรายงานข่าวว่า เมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ (29 มี.ค.) นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมนายกสมาคมชาวไร่สับปะรดไทย ตัวแทนเกษตรกรชาวไร่สับปะรด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้เข้าพบ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหารือในการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่ที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาราคาสับปะรดที่เหลือเพียง 3 บาทกว่าเท่านั้น รวมถึงกรณีโรงงานสับปะรดในหลายจังหวัดภาคกลาง ที่หยุดการรัฐซื้อผลผลิตตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค.นี้ เป็นต้นไป โดยไม่มีกำหนดจนกว่าทางรัฐบาลจะลงมาแก้ปัญหา
ทั้งนี้ เนื่องจากสต๊อกในโกดังของโรงงานเต็มและตลาดต่างประเทศชะลอการสั่งซื้อ อย่างไรก็ตาม ในการหารือวันนี้ ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยอมรับในแนวทางที่มีการเสนอของบประมาณ 800 ล้านบาท เพื่อซื้อผลผลิตสับปะรดมวลรวมจากทั่วประเทศที่เกิดอยู่ 2 แสนตันออกนอกระบบ โดยให้ทางภาครัฐเข้ามาดำเนินการแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ เงิน 400 ล้านบาท จัดซื้อไปทำเป็นอาหารสัตว์ และอีก 400 ล้านบาท ให้โรงงานซื้อวัตถุดิบจากชาวไร่มาผลิตสับปะรดกระป่อง ทั้งหมดให้รับซื้อในกิโลกรัมละ 4 บาท และอีกส่วนมีการับจำนำจากโรงงานที่มีการสต๊อกของเอาไว้ในราคา 70%
อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอทั้งหมดจะมีการประชุมของคณะกรรมการนโยบายพัฒนาสับปะรดแห่งชาติ ในวันพรุ่งนี้ (30 มี.ค.) ช่วงบ่าย ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า จะเห็นด้วยกับแนวทางที่จะใช้เงิน 800 ล้านบาทหรือไม่ ซึ่งจะได้ข้อสรุปในช่วงเย็นของวันพรุ่งนี้ ซึ่งมีนายชุมพล ศิลปอาชา เป็นประธานของคณะกรรมการชุดนี้
ด้านการเตรียมพร้อมของการรองรับการชุมนุมของเกษตรกรชาวไร่สับปะรดที่จะเดินทางมาจากจังหวัดต่างๆ เช่น จ.อุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี ระยอง และ จ.ชลบุรี ซึ่งจะเดินทางมาสมทบกับเกษตรกรชาวไร่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยล่าสุด พบว่า เบื้องต้นจะมีการปิดถนนที่ประจวบฯ ทั้งฝั่งลงภาคใต้และเข้ากรุงเทพฯ
แต่อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากทางผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ และตัวแทนเกษตรกรได้เข้าพบกับรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมีการรับเสนอเบื้องต้นทางกลุ่มเกษตรกรชาวไร่สับปะรดแล้ว นายวีระ ศรีวัมนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้มีการพูดคุยกับตัวแทนกลุ่มเกษตรกรและแกนนำต่างๆ และขอร้องให้กลุ่มเกษตรที่จะมาชุมนุมไปฟังคำตอบที่ศาลากลางจังหวัดประจวบฯแทน โดยทางจังหวัดจะได้จัดเตรียมเต้นท์และน้ำดื่มไว้ให้ ซึ่งกลุ่มเกษตรกรบางส่วนเห็นด้วยกับข้อเสอนของผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ
ขณะที่กลุ่มเกษตรกรชาวไร่สับปะรดบางส่วนไม่ยอม โดยยืนยันจะชุมนุมที่ริมถนนเพชรเกษม แต่จะไม่ปิดถนนทั้ง 2 ด้าน เพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อน และอาจจะปิดถนนเพชรเกษมฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ บริเวณบ้านคั่นกระได ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบฯ บริเวณกิโลเมตรที่ 314-315 โดยจะเปิดโอกาสให้ใช้เส้นทางขาลงภาคใต้ได้เท่านั้น แต่ถ้าหากไม่เป็นไปตามข้อเสนอของเกษตรกรที่เดือดร้อน กลุ่มเกษตรกรก็อาจตัดสินใจอีกครั้ง
พ.ต.ท.เด่นหล้า รัตนกิจ สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ได้เตรียมความพร้อมโดยจัดเตรียมรถวิทยุสายตรวจ 5 คัน รถกู้ภัย รถบริการ เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจร พร้อมเตรียมเส้นทางสำรอง โดยรถยนต์ที่จะเข้ากรุงเทพฯ ให้เลี้ยวซ้ายที่บริเวณทางเข้านิคม กม.5 บริเวณหลักกิโลเมตร 315 และไปออกบริเวณถนนเพชรเกษมบ้านทุ่งมะเม่า บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 314 ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร ซึ่งประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเส้นทางการจราจรได้ที่ 032-611276 หรือ 1193 ขณะที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้จัดกำลังตำรวจเข้ามาดูแลความปลอดภัยกลุ่มผู้ชุมนุม
มีรายงานข่าวว่า เมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ (29 มี.ค.) นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมนายกสมาคมชาวไร่สับปะรดไทย ตัวแทนเกษตรกรชาวไร่สับปะรด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้เข้าพบ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหารือในการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่ที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาราคาสับปะรดที่เหลือเพียง 3 บาทกว่าเท่านั้น รวมถึงกรณีโรงงานสับปะรดในหลายจังหวัดภาคกลาง ที่หยุดการรัฐซื้อผลผลิตตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค.นี้ เป็นต้นไป โดยไม่มีกำหนดจนกว่าทางรัฐบาลจะลงมาแก้ปัญหา
ทั้งนี้ เนื่องจากสต๊อกในโกดังของโรงงานเต็มและตลาดต่างประเทศชะลอการสั่งซื้อ อย่างไรก็ตาม ในการหารือวันนี้ ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยอมรับในแนวทางที่มีการเสนอของบประมาณ 800 ล้านบาท เพื่อซื้อผลผลิตสับปะรดมวลรวมจากทั่วประเทศที่เกิดอยู่ 2 แสนตันออกนอกระบบ โดยให้ทางภาครัฐเข้ามาดำเนินการแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ เงิน 400 ล้านบาท จัดซื้อไปทำเป็นอาหารสัตว์ และอีก 400 ล้านบาท ให้โรงงานซื้อวัตถุดิบจากชาวไร่มาผลิตสับปะรดกระป่อง ทั้งหมดให้รับซื้อในกิโลกรัมละ 4 บาท และอีกส่วนมีการับจำนำจากโรงงานที่มีการสต๊อกของเอาไว้ในราคา 70%
อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอทั้งหมดจะมีการประชุมของคณะกรรมการนโยบายพัฒนาสับปะรดแห่งชาติ ในวันพรุ่งนี้ (30 มี.ค.) ช่วงบ่าย ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า จะเห็นด้วยกับแนวทางที่จะใช้เงิน 800 ล้านบาทหรือไม่ ซึ่งจะได้ข้อสรุปในช่วงเย็นของวันพรุ่งนี้ ซึ่งมีนายชุมพล ศิลปอาชา เป็นประธานของคณะกรรมการชุดนี้
ด้านการเตรียมพร้อมของการรองรับการชุมนุมของเกษตรกรชาวไร่สับปะรดที่จะเดินทางมาจากจังหวัดต่างๆ เช่น จ.อุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี ระยอง และ จ.ชลบุรี ซึ่งจะเดินทางมาสมทบกับเกษตรกรชาวไร่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยล่าสุด พบว่า เบื้องต้นจะมีการปิดถนนที่ประจวบฯ ทั้งฝั่งลงภาคใต้และเข้ากรุงเทพฯ
แต่อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากทางผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ และตัวแทนเกษตรกรได้เข้าพบกับรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมีการรับเสนอเบื้องต้นทางกลุ่มเกษตรกรชาวไร่สับปะรดแล้ว นายวีระ ศรีวัมนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้มีการพูดคุยกับตัวแทนกลุ่มเกษตรกรและแกนนำต่างๆ และขอร้องให้กลุ่มเกษตรที่จะมาชุมนุมไปฟังคำตอบที่ศาลากลางจังหวัดประจวบฯแทน โดยทางจังหวัดจะได้จัดเตรียมเต้นท์และน้ำดื่มไว้ให้ ซึ่งกลุ่มเกษตรกรบางส่วนเห็นด้วยกับข้อเสอนของผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบฯ
ขณะที่กลุ่มเกษตรกรชาวไร่สับปะรดบางส่วนไม่ยอม โดยยืนยันจะชุมนุมที่ริมถนนเพชรเกษม แต่จะไม่ปิดถนนทั้ง 2 ด้าน เพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อน และอาจจะปิดถนนเพชรเกษมฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ บริเวณบ้านคั่นกระได ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบฯ บริเวณกิโลเมตรที่ 314-315 โดยจะเปิดโอกาสให้ใช้เส้นทางขาลงภาคใต้ได้เท่านั้น แต่ถ้าหากไม่เป็นไปตามข้อเสนอของเกษตรกรที่เดือดร้อน กลุ่มเกษตรกรก็อาจตัดสินใจอีกครั้ง
พ.ต.ท.เด่นหล้า รัตนกิจ สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ได้เตรียมความพร้อมโดยจัดเตรียมรถวิทยุสายตรวจ 5 คัน รถกู้ภัย รถบริการ เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจร พร้อมเตรียมเส้นทางสำรอง โดยรถยนต์ที่จะเข้ากรุงเทพฯ ให้เลี้ยวซ้ายที่บริเวณทางเข้านิคม กม.5 บริเวณหลักกิโลเมตร 315 และไปออกบริเวณถนนเพชรเกษมบ้านทุ่งมะเม่า บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 314 ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร ซึ่งประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเส้นทางการจราจรได้ที่ 032-611276 หรือ 1193 ขณะที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้จัดกำลังตำรวจเข้ามาดูแลความปลอดภัยกลุ่มผู้ชุมนุม
