ม.ราชภัฏกาฬสินธุ์ชูการวิจัยเพื่อท้องถิ่น

กาฬสินธุ์-มหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการเพื่อสนับสนุนการวิจัยเพื่อท้องถิ่นกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย หรือ สกว.

วันนี้ (11 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมสภา ชั้น 4 อาคารบรรณราชนครินทร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์ รศ.ดร.สุวกิจ ศรีปัดถา อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์ ศ.ดร.สวัสดิ์ ตันตระรัตน์ ผอ.สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ผศ.ดร.บัญชร แก้วส่อง ผอ.ฝ่ายวิจัยเพื่อท้องถิ่น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ดร.ธวัชวงศ์ชัย ไตรทิพย์ หัวหน้ากลุ่มงานวิจัยและพัฒนา พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร อาจารย์และเจ้าหน้าที่ ของมหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์ ร่วมกันจัดการสัมมนาทางวิชาการ และลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์กับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย เพื่อสนับสนุนการวิจัย เพื่อท้องถิ่น

ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการพัฒนาศักยภาพการวิจัยเพื่อท้องถิ่นและผลักดันการวิจัยรับใช้สังคมมากขึ้น โดยมีระยะเวลาตามข้อตกลง 3 ปี

ศ.ดร.สวัสดิ์ ตันตระรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) กล่าวว่า การสนับสนุนกองทุนการวิจัยเพื่อท้องถิ่นเป็นงานที่เราทำเกือบทั่วประเทศ ซึ่งเป็นโจทย์ที่จะต้องเพื่อชุมชน โดยนักวิจัยจะมาจากชาวบ้านและชุมชนที่จะต้องช่วยกันแก้ปัญหา ช่วยกันหาข้อมูล วิเคราะห์ เขียนรายงานสรุปผล โดยมีขบวนการปฏิบัติจริง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็จะเกิดประโยชน์ต่อชุมชน

แต่เนื่องจากบุคลากรของ สกว.มีอยู่ไม่มาก ดังนั้นจะต้องร่วมมือกับมหาวิทยาลัยที่จะขยายผล ขยายงานวิจัยเพื่อท้องถิ่นให้มากขึ้น

รศ.ดร.สุวกิจ ศรีปัดถา อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะนำไปสู่การพัฒนาศักยภาพของนักวิจัยทั้งภายในมหาวิทยาลัยและนอกมหาวิทยาลัย ที่จะทำหน้าที่วิจัยร่วมกันให้ได้ผลงานวิจัยที่มีคุณภาพ สามารถนำผลวิจัยไปใช้ในการพัฒนาสังคม โดยการบูรณาการภารกิจของมหาวิทยาลัยทั้ง 4 ด้าน ประกอบด้วย การผลิตบัณฑิต การวิจัย การบริการวิชาการ และการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม

ด้านดร.ธวัชวงศ์ชัย ไตรทิพย์ หัวหน้ากลุ่มงานวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์ กล่าวว่า นอกจากพิธีลงนามแล้วยังมีการจัดเสวนาทางวิชาการ เพื่อเสนอแนวทางการพัฒนายุทธศาสตร์การวิจัย ซึ่งทางมหาวิทยาลัยราชภัฏกาฬสินธุ์ได้กำหนดร่างยุทธศาสตร์ไว้ 7 ด้านคือ ด้านการประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอเพียง ด้านอาหารปลอดภัย

รวมถึงด้านการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้านวัฒนธรรมและภูมิปัญญา ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจสู่ประชาคมอาเซียน และด้านการบริหารจัดการงานวิจัย