สระบุรี - ชาวบ้านหัวเขา อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี กว่า 100 คนรวมตัวเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้แก่พระดังวัดหัวเขา หลังถูกกลั่นแกล้งจนให้ไล่ออกจากวัด
เมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ (10 มิ.ย.) ชาวบ้านในหมู่บ้านหัวเขา หมู่ที่ 6 ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี นำโดยนายสมเกียรติ สุขอินทร์ ประธานชุมชนหัวเขาพัฒนา พร้อมชาวบ้านประมาณ 100 คนได้มาชุมนุมกันภายในวัดสิทธิราช หรือวัดหัวเขา ซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้าน เพื่อขอความเป็นธรรมให้พระครูธรรมาภิบาล พระลูกวัดฯ ที่มีหนังสือจากพระอธิการเพ็ง สุขจิตโต เจ้าอาวาสวัดสิทธิราช ให้ออกจากวัดสิทธิราชภายใน 7 วัน โดยในหนังสือดังกล่าวชาวบ้านได้นำมาให้ผู้สื่อข่าวได้ดู พบว่ามีเนื้อหาระบุว่าพระครูธรรมาภิบาลมาอยู่ที่วัดโดยไม่ได้รับอนุญาตให้จำพรรษา และไม่ได้ปฏิบัติหรืออยู่ในโอวาทของเจ้าอาวาส จึงได้ใช้อำนาจหน้าที่ในการปกครองสงฆ์ แจ้งให้ออกจากวัด
โดยชาวบ้านบอกว่า การออกหนังสือดังกล่าวอาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด และประธานชุมชนพร้อมชาวบ้านได้ไปสอบถามจากพระอธิการเพ็ง อายุ 80 ปี เจ้าอาวาสซึ่งขณะนั้นอาพาธรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล และได้รับคำยืนยันจากพระอธิการเพ็งว่ามีนายเลื่อน ศรีวิชัย ซึ่งเป็นมัคนายกวัดเป็นผู้นำมาให้ประทับรอยนิ้วมือ โดยที่พระอธิการเพ็งไม่ทราบว่าเป็นหนังสือเกี่ยวกับเรื่องใด
นายสมเกียรติ สุขอินทร์ ประธานชุมชนหัวเขาพัฒนา แกนนำชาวบ้านบอกว่า ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว มีเรื่องความไม่เข้าใจกันระหว่างพระลูกวัดรูปหนึ่งที่ร่วมกับมัคนายกวัด พยายามจะหาทางกลั่นแกล้งร้องเรียนไปยังพระผู้ใหญ่หลายครั้ง โดยกล่าวหาว่าพระครูธรรมาภิบาลประพฤติตนไม่เหมาะสม เช่น การจัดพิธีครอบครู ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ ดูดวง และทำพิธีอาบน้ำมนต์
ต่อมาได้มีการตั้งคณะกรรมสอบสวน โดยพระครูโสภิตวิหารการ เจ้าคณะตำบลทับกวางเขต 2 และพระครูโสภณรัตโนภาส เจ้าคณะตำบลท่ามะปราง กระทั่งลงความเห็นว่าประพฤติไม่เหมาะสมและไม่ใช่กิจของพระสงฆ์ จึงได้เสนอให้มีการนิมนต์พระครูธรรมาภิบาลออกจากวัดสิทธิราช และออกจากเขตปกครองสงฆ์ในจังหวัดสระบุรี โดยชาวบ้านเห็นว่าการลงคำสั่งดังกล่าวเป็นการกล่าวหาร้ายแรงและลงโทษรุนแรงเกิน เชื่อว่าเป็นการกลั่นแกล้งจากกลุ่มบุคคลที่จะเข้ามาหาผลประโยชน์ภายในวัดสิทธิราช โดยกรรมการวัดร่วมกับพระสงฆ์รูปหนึ่งในวัด
นายสมเกียรติยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้วัดสิทธิราชมีประชาชนให้ความเลื่อมใสศรัทธามาก และมีประชาชนมาทำบุญจำนวนมากเนื่องจากศรัทธาในตัวพระครูธรรมาภิบาลที่มาสร้างความเจริญ โดยการทำพิธีผูกดวง ดูดวง ก็มีพระสงฆ์ดังๆ ทำกันทั่วไป รวมไปถึงการทำพิธีสะเดาะเคราะห์ และยืนยันว่าพิธีที่พระครูธรรมภิบาลทำนั้นก็ไม่ได้แสดงอิทธิฤทธิ์ หรือเห็นว่าผิดหรือไม่เหมาะสม จนถึงขนาดต้องขับไล่ให้ออกจากวัด ให้ออกจากจังหวัดสระบุรี ชาวบ้านคงยอมไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ได้มีข่าวการตั้งกรรมการสอบสวนพระครูธรรมาภิบาล กรณีมีการร้องเรียนถึงพฤติกรรมที่ทำพิธีอาบน้ำมนต์ อ้างเป็นร่างทรงของหลวงปู่โต และการทำพิธีสะเดาะเคราะห์ให้ผู้หญิงโดยใช้กุฎิที่ลับตาคนเป็นสถานที่ประกอบพิธี
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเรื่องนี้จากพระครูธรรมาภิบาล โดยได้รับคำตอบว่ามีการร้องเรียนและสอบสวนจริง โดยตนเองนั้นไม่ได้ทำผิดเกินเลยไปกว่าพระธรรมวินัยหรืออวดอุตริมนุษยธรรม จนขาดความเป็นพระ และปฏิเสธว่าไม่เคยเข้าทรง
แต่ยอมรับว่าได้ทำพิธีสะเดาะเคราะห์จริงแต่ไม่เฉพาะแต่ผู้หญิงเท่านั้น ซึ่งก็มีญาติโยมทั้งผู้หญิงผู้ชายมาให้ทำ และทำในศาลาการเปรียญมีญาติโยมและพระสงฆ์หลายรูปเป็นพยานได้ เนื่องจากต้องให้พระสวดหลายรูปไม่ใช่ทำในที่ลับตาตามที่กล่าวหา ส่วนตนนั้นก็เพียงนั่งอธิษฐานจิตเท่านั้นและไม่เคยเรียกร้องค่าประกอบพิธี ส่วนใหญ่จะมีการถวายพระรูปละ 50 บาท ส่วนญาติโยมที่ศรัทธาเขาจะให้มากกว่านั้นก็ได้นำไปพัฒนาวัด
โดยชาวบ้านยังบอกอีกว่า ตั้งแต่พระครูธรรมาภิบาลมาจำพรรษาที่วัดสิทธิราช หรือที่วัดหัวเขาแห่งนี้ได้พัฒนาวัดขึ้นมาก มีประชาชนศรัทธามาทำบุญบริจาคถวายวัดเพื่อนำไปสร้างกำแพง ซุ้มประตู ศาลาการเปรียญ ปรับปรุงสถานที่ในวัดให้มีความเจริญ สะดวกสบาย และมีพระสงฆ์มาจำวัดเพิ่มมากขึ้น ส่วนใหญ่เป็นพระบุตรหลานชาวบ้านในชุมชน
โดยเชื่อว่าเป็นการกลั่นแกล้งจากพระสงฆ์รูปหนึ่งในวัดที่เป็นพระได้รับการมอบหมายจากเจ้าอาวาสให้ดูแลวัดร่วมกับมัคนายกวัด ที่กล่าวหาเนื่องจากก่อนหน้านี้ที่เกรงว่าพระครูธรรมาภิบาลจะมาเป็นเจ้าอาวาส หรือรักษาการเจ้าอาวาสแทน เนื่องจากพระอธิการเพ็งเจ้าอาวาส อาพาธ และรักษาตัวอยู่บ้านลูกชายในหมู่บ้านหลังจากออกจากโรงพยาบาล
ชาวบ้านยังบอกอีกว่า หากทางพระผู้ใหญ่จะให้พระครูธรรมาภิบาลออกจากวัดก็จะมีพระสงฆ์อีกหลายรูปลาสิกขาทั้งหมด เนื่องจากเห็นว่าไม่มีความเป็นธรรมต่อพระครูธรรมาภิบาล และจะไปยื่นเรื่องร้องเรียนต่อหน่วยงานราชการ และจังหวัดสระบุรีต่อไป