ศูนย์ข่าวศรีราชา - นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะขนุน ขนมวลชนบุกร้องพ่อเมืองแปดริ้ว อ้างถูกนายอำเภอพนมสารคาม สั่งให้หยุดจุ้นงานบริหารและงดปฏิบัติหน้าที่หลังได้รับคำสั่ง เผยมูลเหตุเกิดจากกระบวนการตรวจสอบที่ไม่ชัดเจน และเที่ยงธรรม
วันนี้ (24 ก.พ.) ที่บริเวณศาลาประชาคม ด้านหลังศาลากลางจังหวัดฉะเชิงเทรา นายอดุลย์ แสงจันทร์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะขนุน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล และผู้ใหญ่บ้าน กว่า 20 คน ได้เดินทางมารวมตัวกันเพื่อเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อ นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ในกรณีถูกคำสั่งจาก นายเดชา ใจยะ นายอำเภอพนมสารคาม ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่โดยอ้างคำวินิจฉัยของนายอำเภอคนก่อนว่ามีพฤติการณ์ในการกระทำการทุจริต
โดย นายอดุลย์ อ้างว่า สาเหตุของการถูกกลั่นแกล้ง เกิดจากในช่วงรัฐบาลที่ผ่านมาได้มีการจัดทำโครงการอบรมอาสาสมัครปกป้องสถาบัน (อสป.) ซึ่งทางอำเภอ สั่งการให้ทางองค์กรส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง จัดทำโครงการฝึกอบรมดังกล่าวขึ้น โดยใช้งบประมาณของท้องถิ่นมาจัดทำโครงการ ซึ่งองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะขนุน ได้กำหนดจัดโครงการระหว่างวันที่ 28-29 มิถุนายน 2553 แต่ต่อมาทางอำเภอได้ให้เจ้าหน้าที่โทรศัพท์ประสานมาทางองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะขนุน ว่าให้ดำเนินโครงการภายในวันเดียว ทำให้ตนเองต้องปฏิบัติตาม
และได้นำเงินส่วนที่เหลือจากการฝึกอบรมอีก 1 วันจำนวน 19,000 บาท ไปจัดทำเสื้อยืดคอโปโล (คอปก) สีเขียวเพื่อแจกจ่ายให้แก่สมาชิกผู้มาเข้าร่วมอบรมจำนวน 100 ตัว ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าว ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย ตนได้เป็นผู้จ่ายให้เองด้วยเงินส่วนตัว
ต่อมาสมาชิกฝ่ายค้าน ซึ่งมีจำนวน 8 คน จากสมาชิกรวม 26 คน ได้นำเรื่องดังกล่าวไปร้องเรียนต่อทางอำเภอพนมสารคาม ซึ่งครั้งแรกนายพิสิษฐ์ สินลือนาม นายอำเภอในขณะนั้น ได้มีคำสั่งที่ 334/2554 ลงวันที่ 7 มิถุนายน 2554 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตนกรณีถูกกล่าวหาว่าละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ จากนั้นจึงได้มีคำสั่งที่ 373/2554 ลงวันที่ 26 กรกฎาคม 2554 ให้ตนเองหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือพ้นจากตำแหน่งตามความเห็นของคณะกรรมการที่ตั้งขึ้น
แต่ไม่นาน นายอำเภอพนมสารคาม ก็ได้มีคำสั่งที่ 378/2554 ลงวันที่ 3 สิงหาคม 2554 ให้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าวและให้ตนกลับมาปฏิบัติหน้าที่ตามเดิม หลังจากมีการทักท้วงจากคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยให้เหตุผลว่า จะต้องมีการทบทวนให้รอบคอบเพื่อมิให้กระทบต่อสิทธิ์ของผู้บริหารและบุคลากร อันอาจจะเกิดจากการกระทำที่ไม่รัดกุมรอบคอบเพียงพอและเกิดผลกระทบตามกฎหมายและการปฏิบัติอีกหลายประการตามมา
“ซึ่งก็ถือว่านายอำเภอคนก่อน ได้ยอมรับว่า การสอบสวนที่ผ่านมานั้นยังไม่รอบคอบรัดกุมเพียงพอ จึงได้ออกคำสั่งยกเลิกคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ก่อนหน้านั้นไป”
แต่ นายเดชา ใจยะ นายอำเภอพนมสารคาม ที่เพิ่งย้ายเข้ามาดำรงตำแหน่งแทนนายพิสิษฐ์ สินลือนาม เพียงไม่นานก็ได้นำคำสั่งเก่าของนายอำเภอคนก่อนกลับมาใช้ใหม่ด้วยการออกคำสั่งด่วนมากที่ ฉช 0317.14/348 ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2555 แจ้งให้ตนพ้นจากตำแหน่งอีก ทั้งที่ยังไม่ได้มีการสอบสวนหรือพิจารณาเพิ่มเติม โดยอ้างว่ากรณีดังกล่าวได้ผ่านการวินิจฉัยจากคณะกรรมการสอบสวนของนายอำเภอคนเก่าไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งตนเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมและการสอบสวนยังไม่ได้ถึงที่สุด หรือมีข้อยุติ
จึงเชื่อว่า น่าจะถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง หรือจากนักการเมืองระดับชาติในพื้นที่ เพราะตนไม่ได้ไปเป็นฐานคะแนนเสียงสนับสนุนในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งใหญ่ที่ผ่านมา
“วันนี้ผมจึงต้องเดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมจากผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทราให้ตรวจสอบการกระทำของนายอำเภอพนมสารคามคนปัจจุบัน” นายอดุลย์ กล่าว
ข่าวแจ้งว่า การเดินทางมาร้องเรียนของกลุ่มมวลชนดังกล่าวในครั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้มอบหมายให้ นายชลธี ยังตรง ท้องถิ่นจังหวัดฉะเชิงเทรา และ นายธีระพร ชูตรง ป้องกันจังหวัด ลงมารับหนังสือร้องเรียนแทน