ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - อาการอาพาธ “หลวงพ่อคูณ” ดีขึ้น ไม่มีไข้ เสมหะน้อยลง แพทย์ขอดูอาการอีก 72 ชั่วโมงก่อนพิจารณาให้กลับวัดบ้านไร่ สั่งงดเยี่ยมเด็ดขาดเกรงติดเชื้อเพิ่ม ชี้หลวงพ่ออายุมากแล้ว การรักษาต้องระมัดระวังและต้องดูแลเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ
วันนี้ (7 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา พักรักษาอยู่ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ เลขที่ 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ด้วยอาการภาวะหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งลูกศิษย์ได้นิมนต์เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเป็นการด่วนตั้งแต่เมื่อวานนี้ (6 มิ.ย.)
ล่าสุดเช้าวันนี้ หลวงพ่อคูณตื่นจำวัดเวลา 04.30 น. ได้พูดคุยกับลูกศิษย์ใกล้ชิด ทำกิจธุระส่วนตัว ก่อนจำวัดต่อ และเวลา 06.00 น. พยาบาลได้เข้าวัดอุณหภูมิและชีพจร พบว่า อุณหภูมิในร่างกายอยู่ที่ 36.7 องศาเซลเซียส ความดันโลหิต 98/67 มิลลิเมตรปรอท ชีพจรเต้น 74 ครั้งต่อนาที อัตราการเต้นของหัวใจ 20 ครั้ง/นาที ซึ่งถือว่าทุกอย่างเป็นปกติไม่มีไข้
ขณะที่บริเวณหน้าห้องพักผู้ป่วย ได้มีลูกศิษย์ชาวต่างชาติจากลังกาวี ประเทศมาเลเซีย จำนวน 5 คน ที่ทราบข่าวหลวงพ่อคูณอาพาธจึงเดินทางมาเยี่ยม แต่แพทย์ไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยมเนื่องจากเกรงว่าหลวงพ่อคูณจะติดเชื้อ จึงให้ลงนามในสมุดเยี่ยมแทนที่บริเวณหน้าห้องพักผู้ป่วย
ต่อมาเวลา 10.30 น. นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ซึ่งเป็นแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ ได้นำทีมแพทย์เข้าตรวจอาการโดยละเอียด พร้อมระบุว่า โดยภาพรวมหลวงพ่อคูณดีขึ้นมาก ไม่มีอาการสะอึก เสมหะที่เคยมีมากก็ลดลง ไม่ต้องดูดเสมหะให้ ไม่มีไข้แล้ว ส่วนการรักษา ยังให้ยาปฏิชีวนะ และยาละลายเสมหะ รักษาแบบประคับประคอง
“ถือเป็นสัญญาณที่ดี คือท่านเป็นแค่หลอดลมอักเสบ และมีอาการดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตามหลวงพ่อท่านอายุมากแล้ว การรักษาก็ต้องระมัดระวัง และต้องดูแล เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ” นพ.พินิศจัยกล่าว
นพ.พินิศจัยกล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาทีมเจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาลเฝ้าดูแลหลวงพ่อที่วัดบ้านไร่ดีมาก แต่เนื่องจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงในช่วงนี้จึงเป็นสาเหตุทำให้ท่านอาพาธ ประกอบกับหลวงพ่อคูณมีหลายโรคแทรกซ้อนโดยเฉพาะวัณโรคปอดที่ท่านเป็นอยู่จึงทำให้อาการอาพาธท่านเป็นมากกว่าคนปกติทั่วไป สำหรับสิ่งที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษในตอนนี้คงต้องดูอาการไข้ และเสมหะ คิดว่าคงต้องดูอีกประมาณ 72 ชั่วโมงจึงจะมั่นใจได้ และจะพยายามให้ท่านกลับวัดได้เร็วที่สุด และในช่วงระหว่างการรักษาอยู่โรงพยาบาลคงต้องขอความร่วมมือในการงดเยี่ยมโดยเด็ดขาด
“อย่างไรก็ตาม ขอเรียนว่าวัณโรคปอดของหลวงพ่อคูณถือว่าหายแล้ว แต่ยังต้องฉันยาต่อไปให้ครบคือ 1 ปีครึ่ง ตอนนี้ฉันยามาแล้ว 1 ปี แต่ท่านไม่อยู่ในภาวะที่แพร่เชื้อวัณโรคให้คนอื่นได้แน่นอน” นพ.พินิศจัยกล่าวในที่สุด