ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “หลวงพ่อคูณ” อาพาธ ลูกศิษย์พร้อมทีมแพทย์ด่านขุนทดนำส่งรักษาที่ รพ.มหาราชนครราชสีมาเป็นการด่วน หลังกรำงานรับญาติโยมมากในช่วงเทศกาลวันวิสาขะ ด้านแพทย์เผยเป็นไข้มา 2 วันแล้ว ก่อนเสียงแหบมีเสมหะมากในหลอดลม คาดเป็นภาวะหลอดลมอักเสบ รักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อ เผยเอกซเรย์ปอด หัวใจ และอวัยวะอื่นๆ ปกติ เบื้องต้นให้พักที่โรงพยาบาล 2-3 วันก่อนประเมินอาการอีกครั้ง
วันนี้ (6 มิ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. ทีมแพทย์โรงพยาบาลด่านขุนทด อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา พร้อมศิษยานุศิษย์ได้นำ พระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เดินทางจากวัดบ้านไร่ เข้ารักษาอาการอาพาธที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา เป็นการด่วน หลังมีอาการเหนื่อย มีไข้ หายใจไม่สะดวก และมีเสมหะในหลอดลมมาก
โดยทันทีที่เดินทางถึงโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา คณะแพทย์ได้นำหลวงพ่อคูณเข้าตรวจร่างกายโดยละเอียด ทั้งเอกซเรย์ปอด หัวใจ และอวัยวะอื่นๆ ก่อนนำหลวงพ่อคูณเข้าพักที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ซึ่งขณะแพทย์ทำการตรวจรักษา หลวงพ่อคูณได้พูดคุยกับลูกศิษย์ใกล้ชิดตลอดเวลา รู้สึกตัวดี รับรู้ได้ จำลูกศิษย์ได้ดี โดยเจ้าหน้าที่พยาบาลวัดอุณหภูมิร่างกายได้ 37.5 องศาเซลเซียส
ทั้งนี้ ช่วงเทศกาลวันวิสาขบูชาที่ผ่านมาที่มีวันหยุดยาวติดต่อกันหลายวัน ได้มีญาติโยมศิษยานุศิษย์จากทั่วประเทศเดินทางมากราบนมัสการหลวงพ่อคูณที่วัดบ้านไร่เป็นจำนวนมากจนแน่นวัดทุกวัน ทำให้หลวงพ่อคูณต้องออกมารับญาติโยมจนร่างกายอ่อนเพลีย
นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ซึ่งเป็นแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ เปิดเผยว่า หลวงพ่อคูณมีไข้ต่ำๆ มาก่อนหน้านี้ 2 วัน และเมื่อวานนี้เริ่มมีเสียงเปลี่ยน มีเสลดมากขึ้น และมีอาการสะอึก ซึ่งอาการนี้บ่งบอกว่าหลวงพ่อมีเสลดอยู่ค่อนข้างมาก บางทีท่านไม่ยอมไอออกมาพยาบาลต้องคอยดูดออก และที่นำหลวงพ่อคูณมาพักรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เนื่องจากกลัวปัญหาเรื่องเสลดไปอุดตันทางเดินหายใจ ซึ่งพวกนี้เป็นเรื่องอันตราย ความจริงแล้วที่วัดบ้านไร่การดูแลเหมือนอยู่ที่โรงพยาบาล มีเจ้าหน้าที่พยาบาล แพทย์ คอยช่วยกันดูแลอย่างใกล้ชิดตลอด แต่มาถึงจุดนี้คิดว่ามาอยู่ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาน่าจะปลอดภัยกว่า
ทั้งนี้ จากการตรวจหัวใจ และอวัยวะอื่นๆ เท่าที่ประเมินดูเบื้องต้นยังไม่พบปัญหา การเอกซเรย์ปอด ลักษณะเนื้อปอดไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่น่ากังวล เช่น วัณโรคที่เป็นขึ้นมาใหม่ หรือการติดเชื้อจากปอดบวมเราไม่พบ ฉะนั้นจึงคิดว่าในเบื้องต้นอาการหลวงพ่อเท่าที่พบนั้นน่าจะเป็นอาการภาวะหลอดลมอักเสบ ซึ่งหลอดลมอักเสบของหลวงพ่ออาจจะมีอาการมากกว่าคนอื่น เนื่องจากหลวงพ่อมีพยาธิสภาพในปอดจากถุงลมโป่งพอง จากวัณโรคที่รักษามาประมาณ 1 ปี ซึ่งตัววัณโรคเองก็ทำให้เกิดพยาธิสภาพในปอดทำให้เวลาติดเชื้อหรือไม่สบาย เป็นไข้หวัดจะมีเสมหะหรือมีอาการหนักกว่าคนทั่วไป
“ในส่วนของการรักษา ได้ให้ยาปฏิชีวนะรักษาแบบประคับประคอง ให้ยาขยายหลอดลม ยาละลายเสมหะ และคอยเฝ้าระวังเรื่องของเสลดเสมหะ ส่วนอาการเจ็บคอยังไม่พบแต่มีเสียงแหบเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นคาดว่าจะให้ท่านพักรักษาเพื่อรอดูอาการประมาณ 2-3 วัน จากนั้นจะมีการประเมินอาการเป็นระยะๆ” นพ.พินิศจัยกล่าว
ด้าน นพ.วิชัย ขัตติยะวิทยากุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเดินทางมาดูแลอาการอาพาธของหลวงพ่อคูณ กล่าวว่า จากอาการที่หลวงพ่อคูณมีไข้รุมๆ มีอาการสะอึก มีเสลดมาก อ่อนเพลีย ทางคณะแพทย์รู้สึกไม่สบายใจจึงได้นำหลวงพ่อคูณมาตรวจอาการและพักผ่อนที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ซึ่งจากการเอกซเรย์ปอดอยู่ในเกณฑ์ปกติและเอ็กโคดูหัวใจก็ปกติ โดยแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นเรื่องภาวะหลอดลมอักเสบ โดยคณะแพทย์จะทำการรักษาอาการให้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อประมาณ 2-3 วัน คาดว่าการอาพาธครั้งนี้หลวงพ่อคูณคงพักที่โรงพยาบาลมหาราชฯ ไม่นานนัก เมื่อหายจากอาการไข้ และอาการสะอึกแล้ว คงต้องพิจารณาให้ท่านกลับวัดบ้านไร่ แต่ทั้งนี้จะต้องประเมินดูอาการเป็นระยะ จนแน่ใจว่าท่านหายจากอาการต่างๆ ที่เป็นแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลวงพ่อคูณอาพาธเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2554 ด้วยอาการวัณโรคปอด และครั้งนั้นหลวงพ่อคูณต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนานเกือบ 9 เดือน คณะแพทย์จึงอนุญาตให้หลวงพ่อคูณกลับไปพักรักษาตัวที่วัดบ้านไร่ โดยอาการอาพาธวัณโรคปอดทำให้หลวงพ่อคูณน้ำหนักตัวลดลงเหลือเพียง 35 กิโลกรัม ไม่สามารถฉันภัตตาหารเองได้ คณะแพทย์จึงได้ทำการเจาะช่องท้องเพื่อถวายอาหารผ่านทางสายยางมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งขณะนี้หลวงพ่อคูณมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเป็น 46 กิโลกรัมแล้ว