นครราชสีมา - คณะแพทย์โรงพยาบาลมหาราชฯ แจงอาการ “หลวงพ่อคูณ” ดีขึ้น แต่ยังต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิดอย่างน้อย 1 สัปดาห์ พร้อมสั่งญาติโยมงดเยี่ยม
หลังจากพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ด้วยอาการสะอึกและมีเสมหะในลำคอ เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งคณะแพทย์ได้ตรวจเช็คร่างกายพบว่าหลวงพ่อคูณ มีอาการหลอดลมอักเสบเฉียบพัน จึงต้องให้จำวัดเพื่อพักรักษาตัวอยู่ที่ห้องพักผู้ป่วยพิเศษ วีไอพี 9821 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 8 โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาไม่น้อยกว่า 1 สัปดาห์นั้น
เวลาประมาณ 09.30 น.วานนี้ (5ก.ค.) ที่ห้องประชุมนครชัยขนส่ง ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา พร้อมด้วย นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ และคณะแพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าอาการหลวงพ่อคูณว่า อาการของหลวงพ่อคูณ ครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากที่ท่านเคยเป็นวัณโรคปอดมาก่อน ถึงแม้ว่าจะหายดีแล้ว แต่ยังมีผังผืดอยู่ในปอด ซึ่งกลับมากำเริบอีกครั้ง ทำให้มีอาการไอ มีเสมหะ และมีอาการหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน
ทั้งนี้ ถือว่าเป็นเรื่องปกติของผู้ที่เคยเป็นโรคถุงลมโป่งพอง แต่เนื่องจากว่าหลวงพ่อคูณมีอายุมากถึง 88 ปีแล้ว จึงออกอาการมากกว่าคนอายุน้อย แต่ทั้งนี้ภายหลังจากที่แพทย์ให้การรักษาด้วยการให้ยาปฏิชีวนะ ยาละลายเสมหะ ยาขยายหลอดลม และรักษาแบบประคับประคอง ปรากฏว่า อาการของหลวงพ่อคูณดีขึ้น เสมหะลดลง ซึ่งคณะแพทย์ให้ความเห็นว่า ภายใน 48 ชั่วโมง หากไม่มีไข้และอาการโดยรวมดีขึ้นตามลำดับ น่าจะเป็นสัญญาณที่ดีจะได้กลับไปรักษาตัวต่อที่วัดบ้านไร่ โดยคาดว่าทางโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จะดูแลอาการสักระยะประมาณ 1 สัปดาห์ จึงจะอนุญาตให้กลับวัดบ้านไร่ได้ และหลังจากนั้นขอความร่วมมือประชาชนงดการเยี่ยมอาการอาพาธ เพื่อให้ท่านได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ
ต่อมา นพ.พินิศจัย นาคพันธ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด และแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ ได้นำคณะแพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เข้าตรวจอาการอาพาธของหลวงพ่อคูณ พบว่า หลวงพ่อคูณ มีการตอบสนองปกติ และมีสีหน้าสดชื่นกว่าเมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา และจากการตรวจอย่างละเอียด พบว่าระดับความดันปกติวัดได้ที่ 145/55, อุณหภูมิร่างกาย 36.8 องศาเซลเซียส,ระดับการเต้นของหัวใจ 68 ครั้งต่อนาที ,ระดับการหายใจ 20 ครั้งต่อนาที และมีน้ำหนักตัว 45 กิโลกรัม แต่หลวงพ่อคูณยังคงมีสภาพร่างกายที่อ่อนเพลียเล็กน้อย
ทั้งนี้ คณะแพทย์ก็ยังให้งดเยี่ยมอาการอาพาธของหลวงพ่อคูณ โดยเด็ดขาดเพื่อต้องการให้หลวงพ่อคูณ ได้พักผ่อนให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายและเพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อซ้ำซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
นพ.พินิศจัย กล่าวว่า ภาพรวมอาการดีขึ้นอย่างน่าพอใจ แต่ต้องรอดูอาการอักสักระยะ คาดว่าอย่างน้อยอีกประมาณ 1 สัปดาห์ ถึงจะมาประเมินกันว่าจะอนุญาตให้หลวงพ่อกลับวัดได้หรือไม่ แต่ก็มีปัจจัยที่น่าเป็นห่วง กรณีเมื่อหลวงพ่อกลับวัดบ้านไร่ ท่านก็ต้องออกไปพบปะญาติโยมที่มากราบนมัสการขอพร เพราะหลวงพ่อเป็นคนของประชาชน ท่านจะมีความสุขมากและกระปรี้กระเปร่าเมื่อได้ออกไปพบปะญาติโยม แม้ที่ผ่านมาคณะแพทย์และลูกศิษย์ได้วางมาตรการไว้เข้มงวดแล้วก็ตาม โดยให้ญาติโยมอยู่ห่างจากหลวงพ่อในรัศมี 2 เมตร แต่บางจังหวะและโอกาสก็มีญาติโยมนับพันคนเข้ามากราบหลวงพ่อ ก็สุ่มเสี่ยงที่หลวงพ่อจะติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ อาจจะวางมาตรการในระยะ 1 เดือนนับจากออกโรงพยาบาลก็จะให้หลวงพ่ออยู่ในห้องที่มีกระจกกั้น ไม่ให้ออกมาสัมผัสกับญาติโยมโดยตรง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ โดยเรื่องนี้จะต้องมีการพูดคุยกับคณะลูกศิษย์อีกครั้ง
แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ กล่าวอีกว่า ตนได้พูดคุยกับหลวงพ่อคูณเพื่อสอบถามอาการอาพาธ หลวงพ่อคูณก็บ่นว่า “มึงจะทำอะไรกู ก็ทำไปเถอะ...” แสดงให้เห็นว่าหลวงพ่อรู้สึกรำคาญตัวเองที่ต้องอาพาธเข้ารักษาที่โรงพยาบาลบ่อยครั้ง เพราะก่อนหน้านี้หลวงพ่อก็อาพาธด้วยอาการหลอดลมอักเสบเฉียบพลันนอนอยู่โรงพยาบาลนาน 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 6 มิ.ย.และเดินทางกลับวัดบ้านไร่วันที่ 15 มิ.ย. ก่อนเกิดอาพาธซ้ำอีกรอบ
หลังจากพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ด้วยอาการสะอึกและมีเสมหะในลำคอ เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งคณะแพทย์ได้ตรวจเช็คร่างกายพบว่าหลวงพ่อคูณ มีอาการหลอดลมอักเสบเฉียบพัน จึงต้องให้จำวัดเพื่อพักรักษาตัวอยู่ที่ห้องพักผู้ป่วยพิเศษ วีไอพี 9821 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 8 โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาไม่น้อยกว่า 1 สัปดาห์นั้น
เวลาประมาณ 09.30 น.วานนี้ (5ก.ค.) ที่ห้องประชุมนครชัยขนส่ง ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา พร้อมด้วย นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ และคณะแพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าอาการหลวงพ่อคูณว่า อาการของหลวงพ่อคูณ ครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากที่ท่านเคยเป็นวัณโรคปอดมาก่อน ถึงแม้ว่าจะหายดีแล้ว แต่ยังมีผังผืดอยู่ในปอด ซึ่งกลับมากำเริบอีกครั้ง ทำให้มีอาการไอ มีเสมหะ และมีอาการหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน
ทั้งนี้ ถือว่าเป็นเรื่องปกติของผู้ที่เคยเป็นโรคถุงลมโป่งพอง แต่เนื่องจากว่าหลวงพ่อคูณมีอายุมากถึง 88 ปีแล้ว จึงออกอาการมากกว่าคนอายุน้อย แต่ทั้งนี้ภายหลังจากที่แพทย์ให้การรักษาด้วยการให้ยาปฏิชีวนะ ยาละลายเสมหะ ยาขยายหลอดลม และรักษาแบบประคับประคอง ปรากฏว่า อาการของหลวงพ่อคูณดีขึ้น เสมหะลดลง ซึ่งคณะแพทย์ให้ความเห็นว่า ภายใน 48 ชั่วโมง หากไม่มีไข้และอาการโดยรวมดีขึ้นตามลำดับ น่าจะเป็นสัญญาณที่ดีจะได้กลับไปรักษาตัวต่อที่วัดบ้านไร่ โดยคาดว่าทางโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จะดูแลอาการสักระยะประมาณ 1 สัปดาห์ จึงจะอนุญาตให้กลับวัดบ้านไร่ได้ และหลังจากนั้นขอความร่วมมือประชาชนงดการเยี่ยมอาการอาพาธ เพื่อให้ท่านได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ
ต่อมา นพ.พินิศจัย นาคพันธ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด และแพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ ได้นำคณะแพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เข้าตรวจอาการอาพาธของหลวงพ่อคูณ พบว่า หลวงพ่อคูณ มีการตอบสนองปกติ และมีสีหน้าสดชื่นกว่าเมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา และจากการตรวจอย่างละเอียด พบว่าระดับความดันปกติวัดได้ที่ 145/55, อุณหภูมิร่างกาย 36.8 องศาเซลเซียส,ระดับการเต้นของหัวใจ 68 ครั้งต่อนาที ,ระดับการหายใจ 20 ครั้งต่อนาที และมีน้ำหนักตัว 45 กิโลกรัม แต่หลวงพ่อคูณยังคงมีสภาพร่างกายที่อ่อนเพลียเล็กน้อย
ทั้งนี้ คณะแพทย์ก็ยังให้งดเยี่ยมอาการอาพาธของหลวงพ่อคูณ โดยเด็ดขาดเพื่อต้องการให้หลวงพ่อคูณ ได้พักผ่อนให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายและเพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อซ้ำซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
นพ.พินิศจัย กล่าวว่า ภาพรวมอาการดีขึ้นอย่างน่าพอใจ แต่ต้องรอดูอาการอักสักระยะ คาดว่าอย่างน้อยอีกประมาณ 1 สัปดาห์ ถึงจะมาประเมินกันว่าจะอนุญาตให้หลวงพ่อกลับวัดได้หรือไม่ แต่ก็มีปัจจัยที่น่าเป็นห่วง กรณีเมื่อหลวงพ่อกลับวัดบ้านไร่ ท่านก็ต้องออกไปพบปะญาติโยมที่มากราบนมัสการขอพร เพราะหลวงพ่อเป็นคนของประชาชน ท่านจะมีความสุขมากและกระปรี้กระเปร่าเมื่อได้ออกไปพบปะญาติโยม แม้ที่ผ่านมาคณะแพทย์และลูกศิษย์ได้วางมาตรการไว้เข้มงวดแล้วก็ตาม โดยให้ญาติโยมอยู่ห่างจากหลวงพ่อในรัศมี 2 เมตร แต่บางจังหวะและโอกาสก็มีญาติโยมนับพันคนเข้ามากราบหลวงพ่อ ก็สุ่มเสี่ยงที่หลวงพ่อจะติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ อาจจะวางมาตรการในระยะ 1 เดือนนับจากออกโรงพยาบาลก็จะให้หลวงพ่ออยู่ในห้องที่มีกระจกกั้น ไม่ให้ออกมาสัมผัสกับญาติโยมโดยตรง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ โดยเรื่องนี้จะต้องมีการพูดคุยกับคณะลูกศิษย์อีกครั้ง
แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ กล่าวอีกว่า ตนได้พูดคุยกับหลวงพ่อคูณเพื่อสอบถามอาการอาพาธ หลวงพ่อคูณก็บ่นว่า “มึงจะทำอะไรกู ก็ทำไปเถอะ...” แสดงให้เห็นว่าหลวงพ่อรู้สึกรำคาญตัวเองที่ต้องอาพาธเข้ารักษาที่โรงพยาบาลบ่อยครั้ง เพราะก่อนหน้านี้หลวงพ่อก็อาพาธด้วยอาการหลอดลมอักเสบเฉียบพลันนอนอยู่โรงพยาบาลนาน 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 6 มิ.ย.และเดินทางกลับวัดบ้านไร่วันที่ 15 มิ.ย. ก่อนเกิดอาพาธซ้ำอีกรอบ