กาญจนบุรี - สลด! เสือโคร่งเพศเมียวัดป่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน กาญจนบุรี อายุ 1 ปี 1 เดือน เสียชีวิต เหตุถูกโซ่รัดคอ เผยเป็นสัตว์ป่าของกลางที่ อช.ตรวจยึดเมื่อปี 2544 เผยเตรียมเสนอนำซากเสือโคร่งสตัฟฟ์เอาไว้เพื่อเป็นการศึกษา
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (1 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายปะดุง จิตระออน หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอุทยานสมเด็จพระศรีนครินทร์กาญจนบุรีว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา นายยุทธชัย ปัทมสนธิ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 บ้านโป่ง และนายเอิบ เชิงสะอาด ผอ.ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่าสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 บ้านโป่ง ได้รับแจ้งจากนายสัตวแพทย์สมชัย วิเศษมงคลชัย สัตวแพทย์ผู้ดูแลเสือโคร่งประจำวัดป่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโนว่า เสือโคร่งเพศเมียอายุ 1 ปี 1 เดือน น้ำหนัก 50 กิโลกรัม ได้เสียชีวิตลงในช่วงประมาณกลางดึกของวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังรับแจ้ง ผู้บังคับบัญชาจึงได้สั่งให้ตนนำเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุดังกล่าว
จากการตรวจสอบซากเสือตัวดังกล่าวพบว่า บริเวณลำตัวด้านขวา และบริเวณซอกคอพบมีรอยฟกช้ำบริเวณลำคอ มีแผลฉีกขาดขนาดใหญ่ และมีร่องรอยรัดของโซ่ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน ส่วนบริเวณปากเสือตรงเขี้ยวทั้งบน และล่างมีคราบลิ่มเลือดติดอยู่
นายปะดุง เปิดเผยต่อว่า เสือที่เสียชีวิตเป็นเสือของกลางที่ทางเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ ได้ทำการตรวจยึดเอาไว้เป็นของกลางเมื่อวันที่ 12 มิถนายน 2544 ซึ่งปัจจุบัน เสือโคร่งตัวดังกล่าวถือว่าได้ตกเป็นของแผ่นดินแล้ว เนื่องจากเป็นของกลางที่มีอายุความเกิน 5 ปี ที่ไม่มีผู้ใดมาแสดงความเป็นเจ้าของ สาเหตุที่เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดเอาไว้เป็นของกลางเนื่องมาจากมีการตรวจสอบโดยใช้เครื่องไมโครชิปอ่านเลขที่ (iD 900026000235851) ซึ่งตรงกับบัญชีเสือของกลางที่เจ้าหน้าที่เคยตรวจยึดเอาไว้เมื่อปี 2544 โดยขณะนั้น กรมอุทยานฯ ได้ฝากไว้กับวัดป่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโณ เลขที่ 333 หมู่ 5 ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี โดยมีนายสัตวแพทย์สมชัย วิเศษมงคลชัย เป็นผู้ดูแล
แต่อย่างไรก็ตาม การเสียชีวิตของเสือเพศเมียตังดังกล่าว ทางนายสัตวแพทย์ผู้ดูแลได้เสนอความเห็นว่า สมควรที่จะนำซากของเสือโคร่งสตัฟฟ์เอาไว้เพื่อเป็นการศึกษา แต่หากทางกรมอุทยานฯ คิดจะทำลายซากตามระเบียบปฏิบัติก็ขอให้อยู่ในดุลพินิจของกรมอุทยานฯ เอง แต่อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการรอพิจารณาจากกรมอุทยานฯ ผอ.สำนัก 3 ได้นำนายสัตวแพทย์จากกรมอุทยานฯ มาพิสูจน์ทราบเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงอีกครั้งหนึ่งต่อไป โดยซากเสือตัวดังกล่าวได้ฝากให้ทางวัดป่าเป็นผู้เก็บรักษาไว้ก่อน ด้วยการนำซากไปแช่แข็ง จากนั้นจึงเดินทางไปพบพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยคเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน
