ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - “ชวน” ลงพื้นที่เชียงใหม่ช่วย “กัลยกรณ์” หาเสียงสู้ศึกเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เชียงใหม่ ระบุถือเป็นหน้าที่ต้องมาช่วยกันแม้เป็นรอง-หวังคะแนนพรรคดีขึ้นกว่าเดิม ส่วนเรื่อง พ.ร.บ.ปรองดองยันประชาธิปัตย์ไม่เอาด้วย ระบุจะปรองดองได้ต้องไม่ละเมิดกฎหมาย ยันเป็นปัญหาเฉพาะคู่ขัดแย้งไม่ใช่เรื่องของคนทั้งประเทศ
วันนี้ (29 พ.ค.) นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะ เดินทางมายัง จ.เชียงใหม่ เพื่อร่วมออกหาเสียงกับนางกัลยกรณ์ เจียมกิจวัฒนา ผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 3 จ.เชียงใหม่ แทนตำแหน่งที่ว่าง ในการเลือกตั้งซ่อมซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 2 มิถุนายนที่จะถึงนี้
คณะของนายชวนเริ่มต้นภารกิจการหาเสียงด้วยการเดินทางมายังวัดบ้านมอญ ต.สันกลาง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ โดยมีนางกัลยกรณ์ สมาชิกพรรค และประชาชนที่ให้การสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์จำนวนหนึ่งให้การต้อนรับ
ภายหลังเดินทางมาถึง นายชวน พร้อมด้วยนางกัลยกรณ์และแกนนำของพรรค เช่น นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู และนายวิทยา แก้วภราดัย ได้ร่วมกันเวียนเทียนลอดพระศรีมหาโพธิ์คู่แฝด ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด จากนั้นได้ร่วมกันสรงน้ำพระธาตุวัดบ้านมอญ ก่อนที่นายชวนและคณะจะขึ้นรถหาเสียงร่วมกับนางกัลยกรณ์ เพื่อออกตระเวนหาเสียงในพื้นที่ อ.สันกำแพง
นายชวนกล่าวถึงการเดินทางมายัง จ.เชียงใหม่เพื่อช่วยหาเสียงให้นางกัลยกรณ์ว่า ถือเป็นหน้าที่ของสมาชิกพรรคที่จะมาช่วยกันหาเสียง ซึ่งทุกคนในพรรคก็พยายามที่จะมาช่วยกันให้ได้มากที่สุด
การเลือกตั้งในครั้งนี้ตั้งเป้าว่าผู้สมัครของพรรคน่าจะได้รับคะแนนเสียงดีขึ้นกว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ส่วนการคาดการณ์ถึงผลการเลือกตั้งนั้น ผู้สมัครเองก็รู้ดีว่ายังเป็นรองผู้สมัครจากพรรคคู่แข่ง แต่ก็หวังว่าผลของการเลือกตั้งของพรรคที่ได้จะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น
นายชวนกล่าวต่อไปว่า ในปัจจุบันต้องยอมรับว่า จ.เชียงใหม่เป็นฐานเสียงที่สำคัญของพรรคเพื่อไทย แต่ในอดีตสมัยที่ตนเป็น ส.ส.สมัยแรกนั้น ส.ส.ของจังหวัดเชียงใหม่ส่วนใหญ่ก็เป็นคนของประชาธิปัตย์ หรืออย่าง ส.ส.ที่เชียงรายทั้งหมดก็เป็นผู้สมัครของพรรคเช่นกัน จึงถือได้ว่าเดิมทีพรรคก็มีฐานคะแนนเสียงอยู่ในพื้นที่เช่นเดียวกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปความนิยมนั้นก็อาจจะลดลง ซึ่งก็ต้องใช้เวลาในการเรียกกลับคืนมา
อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าสักวันหนึ่งความนิยมที่มีต่อพรรคประชาธิปัตย์ของคนในภาคเหนือจะกลับมาอย่างแน่นอน เพราะคนภาคเหนือเองก็ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ได้ร่วมก่อตั้ง และสนับสนุนให้พรรคประชาธิปัตย์เติบโตมาได้จนถึงทุกวันนี้
ส่วนกรณีของการต่อต้านจากกลุ่มคนเสื้อแดงบางส่วนที่มีต่อแกนนำและผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายชวนกล่าวว่า ตนเชื่อว่าการต่อต้านที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงคนส่วนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่คนเชียงใหม่ทั้งหมดแต่อย่างใด เพียงแต่ที่ผ่านมามีคนกลุ่มหนึ่งที่ใช้ความรุนแรง ทำให้กระทบต่อภาพลักษณ์ของคนเชียงใหม่ที่เหลือไปด้วย
นายชวนยังได้แสดงความเห็นต่อกรณีที่มีการเตรียมนำร่าง พ.ร.บ.ปรองดองเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรว่า พรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืนที่ชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการเสนอร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว หากแต่วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้เกิดการปรองดองในสังคมได้ก็คือ ทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎหมายและไม่ละเมิดกฎหมาย หากปล่อยให้มีการละเมิดกฎหมายเกิดขึ้นก็เป็นไปได้ยากที่จะเกิดความปรองดองขึ้น
ทั้งนี้ ตามความเห็นของตน ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวไม่ควรถูกนำเสนอขึ้นมา แต่ในระบบของสภาฯ เมื่อมีการเสนอขึ้นมาแล้วก็ถือเป็นสิทธิที่ทำได้ ซึ่งสมาชิกสภาฯ ก็มีหน้าที่ที่จะต้องพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร ส่วนพรรคประชาธิปัตย์นั้นก็จะทำหน้าที่ในสภาฯ ให้ดีที่สุด ควบคู่ไปกับการชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน
ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่ต้องพิจารณาในเรื่องของการปรองดองก็คือ ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องระหว่างคู่กรณีแต่ละฝ่าย ไม่ใช่ปัญหาของคนทั้งประเทศแต่อย่างใด เพราะจะเห็นได้ว่าปัจจุบันรัฐบาลก็สามารถบริหารงานได้ตามปกติ ไม่ได้ถูกต่อต้านหรือมีใครมาขับไล่แต่อย่างใด พรรคประชาธิปัตย์เองก็ทำหน้าที่ของฝ่ายค้านไปตามปกติ อีกทั้งสภาฯ เองก็ต้องระลึกไว้ว่า ไม่ควรจะทำเรื่องใดๆ ที่อาจขัดต่อกฎหมายด้วยเช่นกัน