เชียงราย - “สลักจฤฎดิ์-เมียยงยุทธ ติยะไพรัช” ลุยเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ไม่หยุด ล่าสุด ขน ส.ส.พท.-แกนนำแดง ขึ้น 2 เวทีในวันเดียว หาเสียงช่วยสู้ศึกเลือกตั้งนายก อบจ.เมืองพ่อขุนฯ ขณะที่คดี จนท.อบจ.แจ้งความถูกชายอ้างเป็น ตร.ขู่-ลบภาพในกล้อง บาน สะพัด!ตร.เล็งจัดการสื่อเสนอข่าว
รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงราย แจ้งว่า นางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ภรรยานายยงยุทธ ติยะไพรัช นักการเมืองชื่อดัง ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย ได้เปิดเวทีปราศรัยหาเสียง ที่สนามกีฬาโรงเรียนบ้านแม่จัน ถนนนาคพันธ์ ม.2 ต.แม่จัน อ.แม่จัน จ.เชียงราย เมื่อเย็นวานนี้ (18 พ.ค.)
โดยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จากพรรคเพื่อไทยใน จ.เชียงราย หลายคนไปช่วยหาเสียง เช่น นางบุศริณธญ์ วรพัฒนานันน์ พี่สาวนายยงยุทธ, นายรังสรรค์ วันไชยธนวงศ์, นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน, นายอิทธิเดช แก้วหลวง, น.ส.ละออง ติยะไพรัช น้องสาวนายยงยุทธ
นอกจากนี้ ยังมีแกนนำพรรคเพื่อไทยไปร่วมเวทีด้วยหลายคน เช่น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสุนัย จุลพงศธร นายประสิทธิ วุฒินันชัย นายดนุพร ปุณณกันต์ นายเวียง วรเชษฐ์ นายยุรนันท์ ภมรมนตรี รวมทั้งแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) คนเสื้อแดง เช่น นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก นายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ ฯลฯ ก็เดินทางมาขึ้นเวทีปราศรัยช่วยด้วย โดยมีมวลชนเข้าร่วมรับฟังประมาณ 2,000 คน
ทั้งนี้ แต่ละคนได้ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัยหาเสียงให้แก่นางสลักจฤฎดิ์ สลับกับการโจมตีฝ่ายตรงกันข้าม โดยระบุว่า ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา การใช้งบประมาณของ อบจ.เชียงราย กระจายไม่ทั่วถึง ดังนั้น จึงต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ชีวิตดีขึ้น โดยจะมี ส.ส.และพรรคเพื่อไทยประสานงานเพื่อพัฒนาเชียงราย และเป็นกำลังของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
นอกจากนี้ ยังมีการปราศรัยด้วยว่า อำมาตย์กำลังรอดูเสื้อแดงแตกแยกกัน และการต่อสู้ยังไม่จบ โดยสังเกตได้จากการที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.ถูกตัดสิทธิการเป็น ส.ส.โดยศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้น จึงต้องนำรัฐธรรมนูญปี 2540 มาใช้เพราะปี 2550 เป็นเผด็จการ
เมื่อเสร็จสิ้นการจัดเวทีปราศรัยที่ อ.แม่จัน ถิ่นของนายยงยุทธ แล้ว นางสลักจฤฎดิ์ และคณะบุคคลทั้งหมดได้ย้ายสถานที่ปราศรัยไปยังบริเวณสนามบินเก่า อ. เมือง จ.เชียงราย โดยมีมวลชนจากเขต อ.เมือง อ.พญาเม็งราย และเวียงชัย เข้าร่วมประมาณ 2,000 คน
สำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงราย จะมีขึ้นวันที่ 27 พ.ค.55 มีผู้สมัครรับเลือกตั้งจำนวน 4 คน นอกจากนางสลักจฤฎดิ์ แล้ว ยังมี นางรัตนา จงสุทธนามณี อดีตนายก อบจ.เชียงราย ในสมัยที่ผ่านมา, น.ส.พนิดา มะโนธรรม แกนนำกลุ่มเชียงรายตะวันแดงกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มคนเสื้อแดง และนายสฤษฎ์ อึ้งอภินันท์ อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน ซึ่งมีแกนนำคนเสื้อแดงให้การสนับสนุนส่วนหนึ่งเช่นกัน
ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า ผลจากการเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงราย ดังกล่าวได้ทำให้มีกระแสว่าทางตำรวจได้เตรียมดำเนินคดีกับสื่อมวลชนที่นำเสนอข่าวกรณีเจ้าหน้าที่ อบจ.เชียงราย ได้ไปดำเนินโครงการมอบบ้านให้แก่ผู้ยากไร้พื้นที่ อ.พญาเม็งราย และถูกกลุ่มคนเข้าไปลบภาพในกล้องถ่ายภาพของเจ้าหน้าที่ โดยระบุว่า ต้องการไปตรวจสอบการทุจริตการเลือกตั้งจนเจ้าหน้าที่ อบจ.ต้องไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน และต่อมาทาง พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ โทปุญญานนท์ ผบก.ภ.เชียงราย แถลงว่า เจ้าหน้าที่ทำหน้าที่ถูกต้อง เพราะเกรงว่า จะถูกถ่ายภาพรถที่ต้องนำไปใช้เพื่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด และเป็นการประสานกับเจ้าหน้าที่ อบจ.ในเรื่องดังกล่าวอย่างนุ่มนวล
ตำรวจมองว่า การนำเสนอข่าวดังกล่าวทำให้สังคมเข้าใจผิดคิดว่าตำรวจที่ไปปฏิบัติหน้าที่เพราะถูกคำสั่งจากเบื้องบนให้ไปทำจนเสื่อมเสียชื่อเสียง
ทั้งนี้มีรายงานว่า ปัจจุบันมีรายงานว่า ตำรวจ.สภ.พญาเม็งราย กำลังอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล โดยสื่อที่อยู่ในข่ายถูกดำเนินการคือ เว็บไซต์ผู้จัดการASTV และสื่อมวลชนแขนงอื่นๆ อีก 2-3 ราย
รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงราย แจ้งว่า นางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ภรรยานายยงยุทธ ติยะไพรัช นักการเมืองชื่อดัง ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย ได้เปิดเวทีปราศรัยหาเสียง ที่สนามกีฬาโรงเรียนบ้านแม่จัน ถนนนาคพันธ์ ม.2 ต.แม่จัน อ.แม่จัน จ.เชียงราย เมื่อเย็นวานนี้ (18 พ.ค.)
โดยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จากพรรคเพื่อไทยใน จ.เชียงราย หลายคนไปช่วยหาเสียง เช่น นางบุศริณธญ์ วรพัฒนานันน์ พี่สาวนายยงยุทธ, นายรังสรรค์ วันไชยธนวงศ์, นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน, นายอิทธิเดช แก้วหลวง, น.ส.ละออง ติยะไพรัช น้องสาวนายยงยุทธ
นอกจากนี้ ยังมีแกนนำพรรคเพื่อไทยไปร่วมเวทีด้วยหลายคน เช่น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสุนัย จุลพงศธร นายประสิทธิ วุฒินันชัย นายดนุพร ปุณณกันต์ นายเวียง วรเชษฐ์ นายยุรนันท์ ภมรมนตรี รวมทั้งแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) คนเสื้อแดง เช่น นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก นายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ ฯลฯ ก็เดินทางมาขึ้นเวทีปราศรัยช่วยด้วย โดยมีมวลชนเข้าร่วมรับฟังประมาณ 2,000 คน
ทั้งนี้ แต่ละคนได้ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัยหาเสียงให้แก่นางสลักจฤฎดิ์ สลับกับการโจมตีฝ่ายตรงกันข้าม โดยระบุว่า ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา การใช้งบประมาณของ อบจ.เชียงราย กระจายไม่ทั่วถึง ดังนั้น จึงต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ชีวิตดีขึ้น โดยจะมี ส.ส.และพรรคเพื่อไทยประสานงานเพื่อพัฒนาเชียงราย และเป็นกำลังของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
นอกจากนี้ ยังมีการปราศรัยด้วยว่า อำมาตย์กำลังรอดูเสื้อแดงแตกแยกกัน และการต่อสู้ยังไม่จบ โดยสังเกตได้จากการที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.ถูกตัดสิทธิการเป็น ส.ส.โดยศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้น จึงต้องนำรัฐธรรมนูญปี 2540 มาใช้เพราะปี 2550 เป็นเผด็จการ
เมื่อเสร็จสิ้นการจัดเวทีปราศรัยที่ อ.แม่จัน ถิ่นของนายยงยุทธ แล้ว นางสลักจฤฎดิ์ และคณะบุคคลทั้งหมดได้ย้ายสถานที่ปราศรัยไปยังบริเวณสนามบินเก่า อ. เมือง จ.เชียงราย โดยมีมวลชนจากเขต อ.เมือง อ.พญาเม็งราย และเวียงชัย เข้าร่วมประมาณ 2,000 คน
สำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงราย จะมีขึ้นวันที่ 27 พ.ค.55 มีผู้สมัครรับเลือกตั้งจำนวน 4 คน นอกจากนางสลักจฤฎดิ์ แล้ว ยังมี นางรัตนา จงสุทธนามณี อดีตนายก อบจ.เชียงราย ในสมัยที่ผ่านมา, น.ส.พนิดา มะโนธรรม แกนนำกลุ่มเชียงรายตะวันแดงกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มคนเสื้อแดง และนายสฤษฎ์ อึ้งอภินันท์ อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน ซึ่งมีแกนนำคนเสื้อแดงให้การสนับสนุนส่วนหนึ่งเช่นกัน
ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า ผลจากการเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงราย ดังกล่าวได้ทำให้มีกระแสว่าทางตำรวจได้เตรียมดำเนินคดีกับสื่อมวลชนที่นำเสนอข่าวกรณีเจ้าหน้าที่ อบจ.เชียงราย ได้ไปดำเนินโครงการมอบบ้านให้แก่ผู้ยากไร้พื้นที่ อ.พญาเม็งราย และถูกกลุ่มคนเข้าไปลบภาพในกล้องถ่ายภาพของเจ้าหน้าที่ โดยระบุว่า ต้องการไปตรวจสอบการทุจริตการเลือกตั้งจนเจ้าหน้าที่ อบจ.ต้องไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน และต่อมาทาง พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ โทปุญญานนท์ ผบก.ภ.เชียงราย แถลงว่า เจ้าหน้าที่ทำหน้าที่ถูกต้อง เพราะเกรงว่า จะถูกถ่ายภาพรถที่ต้องนำไปใช้เพื่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด และเป็นการประสานกับเจ้าหน้าที่ อบจ.ในเรื่องดังกล่าวอย่างนุ่มนวล
ตำรวจมองว่า การนำเสนอข่าวดังกล่าวทำให้สังคมเข้าใจผิดคิดว่าตำรวจที่ไปปฏิบัติหน้าที่เพราะถูกคำสั่งจากเบื้องบนให้ไปทำจนเสื่อมเสียชื่อเสียง
ทั้งนี้มีรายงานว่า ปัจจุบันมีรายงานว่า ตำรวจ.สภ.พญาเม็งราย กำลังอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล โดยสื่อที่อยู่ในข่ายถูกดำเนินการคือ เว็บไซต์ผู้จัดการASTV และสื่อมวลชนแขนงอื่นๆ อีก 2-3 ราย