โฉมหน้า ครม.ปู 1 เห็นกันไปแล้วทั้งประเทศ มีทั้งเสียงก่นด่า และรับได้ แต่หนักไปทางอย่างแรกมากกว่า โดยเฉพาะการตั้งรัฐมนตรีแบบผิดฝาผิดตัว หลายตำแหน่ง “สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล” เป็น รมว.ต่างประเทศ แบบงงๆ เจ้าตัวเองยังรู้ล่วงหน้าก่อนเพียงวันเดียวเท่านั้น
ตำแหน่งนี้คนคาดหวังสูง หวยออกที่ “สุรพงษ์” เสียงยี้จึงดังอื้ออึง พร้อมข้อครหามากมาย โดยเฉพาะการเอาคนใกล้ชิด สั่งซ้ายหันขวาหันได้มารับตำแหน่งที่มีส่วนสำคัญกับคดีความ โอกาสการกลับประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายใหญ่ตลอดกาล ที่ยังหลบลี้หนีคดีอยู่ต่างประเทศ
ส่วนรัฐมนตรีช่วยหลายคนเป็นพวกมือใหม่ ไร้ประสบการณ์ ขานชื่อออกมาชาวบ้านต้องเกาหัวแกรกๆ ใครวะเนี่ย!! แอบยี้ไม่แพ้กัน กิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ ส.ส.รุ่นลายคราม อดีต รมว.วิทยาศาสตร์หลายปีก่อน ได้มานั่งเป็น รมช.คมนาคม บุญรื่น ศรีธเรศ ส.ส.กาฬสินธุ์ เป็น รมช.ศึกษาธิการ จับมาเป็นครูประชาบาลซะงั้น ภูมิ สาระผล ส.ส.ขอนแก่น เป็น รมช.พาณิชย์ ภาคธุรกิจงงเป็นไก่ตาแตก จะปรับตัวยังไงดี ไม่รู้หัวนอนปลายเท้ารัฐมนตรีเลย พรศักดิ์ เจริญประเสริฐ เศรษฐีบ้านนอกเป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์
ไม่รู้เห็นพรรคภูมิใจไทย สร้างมาตรฐาน รมต.โลว์คอสต์เอาไว้หรือเปล่า เลยเลียนแบบมั่ง
สนองตัณหาทางการเมือง ปูนบำเหน็จให้ ส.ส.น้ำ 3 กันสักครั้ง ก่อนที่จะหมดโอกาส เพราะเหลือเวลาอีกไม่นานแล้ว ช่วงกลางปีหน้า สมาชิกบ้านเลขที่ 111 จะหลุดพันธนาการ กลับมายืนแถวหน้าการเมืองอีกครั้ง
บ้านเลขที่ 111 วันนี้หลายคนยังคงทำงานให้พรรคอย่างใกล้ชิด ทั้งยังมีบทบาทชี้นำพรรคสูง ทิศทางการเดินของพรรคส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับมันสมองคนเหล่านี้ เพียงแต่ยังต้องแอบอยู่หลังฉาก ไม่ว่าจะเป็น จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย วราเทพ รัตนากร อดีต รมช.คลัง ที่เก้าอี้เหนียวแน่นที่สุด ไม่เคยถูกปรับออกในสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ภูมิธรรม เวชยชัย อดีต รมช.คมนาคม มือทำงานมือวางยุทธศาสตร์ตัวเก๋า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่ กทม.ที่ยังทรงอิทธิพล วันใดได้กลับมา แต่งตัวเป็นรัฐมนตรีทันทีแน่
ดังนั้น ตอนนี้ฟ้าจึงเปิดให้สมาชิกน้ำ 3 ให้ได้เป็นรัฐมนตรีจนสาแก่ใจไปตามๆ กัน และแนวโน้มว่าราวๆ 6 เดือน ต้องมีการปรับ ครม. เอา รมต.น้ำ 3 เหล่านี้ออก สลับสับเปลี่ยนให้ รมต.น้ำ 3 ที่จ่อรอคิวอยู่ขยับเข้ามาเป็นบ้าง แบ่งเก้าอี้กันนั่งให้สนุกทวารกันไป ให้มีชื่อเสียงเกียรติยศประดับวงศ์ตระกูล
เป็นเกมของตัวสำรอง สลับกันเล่น ก่อนที่ตัวจริงจะกลับมา!!
กระนั้น ถ้ารัฐมนตรีคนไหนทำผลงานได้ดี อาจได้ทำงานต่อไปอีก พรรคเพื่อไทยจึงจะบีบให้รัฐมนตรีทำผลงานด้วยการให้ลาออกจากการเป็น ส.ส. ปล่อยให้ขาลอยเอาไว้ หากวันใดไร้ผลงาน บริหารบ้านเมืองห่วยแตก ก็ปรับออกไปนั่งเลี้ยงหลานอยู่บ้านทันที ไม่มีสถานะ ส.ส.รองรับเป็นสนับก้นอีกต่อไป
เรื่องการให้รัฐมนตรีลาออกจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นข้อตกลงที่ทำกันไว้เดิมภายในตั้งแต่ตอนยังไม่เลือกตั้ง เป็นข้อสัญญาของการจัดทำบัญชีรายชื่อ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ วางเงื่อนไขกันไว้ไม่ให้กระเพื่อมรุนแรง ช่วงนั้นจัดกันลำบากลำบน คนนั้นคนนี้ไม่พอใจจึงมีมาตรการลักษณะนี้ออกมา
ซึ่งก็เคยทำมาแล้วสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้หลบหนีคดี ใครเป็นรัฐมนตรีก็ต้องลาออกจากผู้แทน
ไม่ทันไรก็มีเสียงเรียกร้อง กระตุ้นเตือนจากผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับถัดๆ ไป เช่น ชินวัฒน์ หาบุญพาด ลำดับที่ 72 จี้ให้พรรคเร่งทำตามข้อตกลงที่เคยวางไว้ สั่งให้รัฐมนตรีลาออกจากส.ส.เปิดทางให้พวกตัวเองเป็น ส.ส.กับเขาบ้าง
หากไล่เรียงรายชื่อดู มีรัฐมนตรีกว่า 10 คน ที่เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ถ้าลาออกไปจะขยับกันชุดใหญ่ทีเดียว พวกที่จ่อรอคิวก็แอบลุ้นอย่างเงียบๆ บ้าง โวยวายบ้าง ไม่ว่าจะเป็น ดนุพร ปุณณกันต์ ลำดับ 62 ยุรนันท์ ภมรมนตรี ลำดับ 63 อุดมรัตน์ อาภรณ์รัตน์ ลำดับ 66 ชวลิต วิชยสุทธิ์ ลำดับ 67 ถิรชัย วุฒิธรรม ลำดับ 74 เป็นต้น
“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีก็ออกมารับลูก ประกาศชัดเจนว่ารัฐมนตรีหลายคนต้องลาออกจากการเป็น ส.ส. ส่งสัญญาณเข้มๆ กดดันกันแล้ว แต่เชื่อว่าจะต้องมีรัฐมนตรีหลายคนแข็งขืน ยืนกรานไม่ลาออกแน่ ฉะนั้น พรรคเพื่อไทยจึงเตรียมออกเป็นมติพรรคระบุชัดเจนว่า รัฐมนตรีต้องลาออกจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อ เหลือไว้เพียงตำแหน่งฝ่ายบริหาร
อย่างไรก็ตาม ในจำนวนนี้เบื้องต้นจะเหลือไว้ 3 คน คือ ลำดับ 1-2 และ 3 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยงยุทธ วิชัยดิษฐ และร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เพราะนายกฯ จะขาลอยจาก ส.ส.ไม่ได้ ในขณะที่ยงยุทธ สแตนด์บายยามเหตุฉุกเฉินยิ่งลักษณ์หลุดวงโคจร ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิมยกไว้คนหนึ่งเผื่อใช้งานในสภา และเผื่อเป็นไม้ 3 ด้วย นอกจากนี้อาจจะมีคนอื่นๆ อีกด้วยเหตุผลบางอย่าง
การให้รัฐมนตรีลาออกจาก ส.ส.โดยเหลือบางคนไว้ อาจเป็นจุดที่ทำให้บางคนออกมาโวยวายถึงมาตรฐานที่ไม่เท่าเทียม จนกลายเป็นความขัดแย้งรอบใหม่ การจะเหลือใครไว้ย่อมต้องมีเหตุผลรองรับที่ดีพอ มิฉะนั้นก็จะเกิดการแข็งขืนไม่ลาออกกันเลย ซึ่งถ้าหากใช้มติพรรคบีบ ความขัดแย้งก็จะสุมไว้เป็นคลื่นใต้น้ำ วันหนึ่งถ้าหลุดจากอำนาจ อาจก่อหวอดสร้างก๊วนต่อรองให้พรรคปวดหัวเล่น เพราะตัวเองก็ว่างงานไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว
อย่างไรก็ดี สำหรับมาตรการนี้ แกนนำพรรคได้วางเกมไว้เพื่อกดดันการทำงานของรัฐมนตรี ไม่ให้เดินหลงอำนาจ หรือทำอะไรเลอะเทอะมูมมาม พร้อมสกัดการต่อรอง ตั้งตนเป็นใหญ่ ให้ลาออกจาก ส.ส.ขาลอยเอาไว้ ถ้าไม่เชื่อฟัง หรือทำอะไรเสื่อมเสีย ก็ริบตำแหน่งรัฐมนตรี กลายเป็นชาวบ้านธรรมดา
ฉะนั้นพวกที่ต้องอาศัยตำแหน่ง ต้องยึดโยงกับอำนาจลาภยศ ย่อมไม่กล้าหยิ่งผยองกับแกนนำพรรคแน่ ว่าอย่างไรก็ต้องว่าตามนั้น อำนาจต่อรองจึงเบ็ดเสร็จอยู่ที่แกนนำพรรคตัวจริง ทิศทางการเดินจึงไปทางเดียวกัน ใครมีความคิดสร้างสรรค์ แหวกแนว ถ้าหากไม่ตรงกับพรรคก็มีโอกาสโดนกุดหัวกลับบ้านไปเลี้ยงหลานได้ง่ายๆ
มาตรการนี้อาจเป็นดาบสองคม ทำให้บางทีประชาชนอาจจะเสียโอกาสที่จะเห็นสิ่งใหม่ๆ รวดเร็ว ทันใจ เพราะรัฐมนตรีจะขยับทำอะไรทีต้องสอบถามพรรค ต้องรอมติ สุดท้ายอาจต้วมเตี้ยมอืดอาด ไม่ทันใจประชาชน กลายเป็นไร้ผลงานไปเสียฉิบ และก็อาจทำให้ภาพลักษณ์ ครม. รัฐบาลโดยรวมไร้ประสิทธิภาพไปด้วย
ไอ้ที่คิดฝันจะอยู่เสวยสุขกันยาวๆ อาจเหลือช่วงฮันนีมูนสั้นๆ เท่านั้น
ตำแหน่งนี้คนคาดหวังสูง หวยออกที่ “สุรพงษ์” เสียงยี้จึงดังอื้ออึง พร้อมข้อครหามากมาย โดยเฉพาะการเอาคนใกล้ชิด สั่งซ้ายหันขวาหันได้มารับตำแหน่งที่มีส่วนสำคัญกับคดีความ โอกาสการกลับประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายใหญ่ตลอดกาล ที่ยังหลบลี้หนีคดีอยู่ต่างประเทศ
ส่วนรัฐมนตรีช่วยหลายคนเป็นพวกมือใหม่ ไร้ประสบการณ์ ขานชื่อออกมาชาวบ้านต้องเกาหัวแกรกๆ ใครวะเนี่ย!! แอบยี้ไม่แพ้กัน กิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ ส.ส.รุ่นลายคราม อดีต รมว.วิทยาศาสตร์หลายปีก่อน ได้มานั่งเป็น รมช.คมนาคม บุญรื่น ศรีธเรศ ส.ส.กาฬสินธุ์ เป็น รมช.ศึกษาธิการ จับมาเป็นครูประชาบาลซะงั้น ภูมิ สาระผล ส.ส.ขอนแก่น เป็น รมช.พาณิชย์ ภาคธุรกิจงงเป็นไก่ตาแตก จะปรับตัวยังไงดี ไม่รู้หัวนอนปลายเท้ารัฐมนตรีเลย พรศักดิ์ เจริญประเสริฐ เศรษฐีบ้านนอกเป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์
ไม่รู้เห็นพรรคภูมิใจไทย สร้างมาตรฐาน รมต.โลว์คอสต์เอาไว้หรือเปล่า เลยเลียนแบบมั่ง
สนองตัณหาทางการเมือง ปูนบำเหน็จให้ ส.ส.น้ำ 3 กันสักครั้ง ก่อนที่จะหมดโอกาส เพราะเหลือเวลาอีกไม่นานแล้ว ช่วงกลางปีหน้า สมาชิกบ้านเลขที่ 111 จะหลุดพันธนาการ กลับมายืนแถวหน้าการเมืองอีกครั้ง
บ้านเลขที่ 111 วันนี้หลายคนยังคงทำงานให้พรรคอย่างใกล้ชิด ทั้งยังมีบทบาทชี้นำพรรคสูง ทิศทางการเดินของพรรคส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับมันสมองคนเหล่านี้ เพียงแต่ยังต้องแอบอยู่หลังฉาก ไม่ว่าจะเป็น จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย วราเทพ รัตนากร อดีต รมช.คลัง ที่เก้าอี้เหนียวแน่นที่สุด ไม่เคยถูกปรับออกในสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ภูมิธรรม เวชยชัย อดีต รมช.คมนาคม มือทำงานมือวางยุทธศาสตร์ตัวเก๋า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่ กทม.ที่ยังทรงอิทธิพล วันใดได้กลับมา แต่งตัวเป็นรัฐมนตรีทันทีแน่
ดังนั้น ตอนนี้ฟ้าจึงเปิดให้สมาชิกน้ำ 3 ให้ได้เป็นรัฐมนตรีจนสาแก่ใจไปตามๆ กัน และแนวโน้มว่าราวๆ 6 เดือน ต้องมีการปรับ ครม. เอา รมต.น้ำ 3 เหล่านี้ออก สลับสับเปลี่ยนให้ รมต.น้ำ 3 ที่จ่อรอคิวอยู่ขยับเข้ามาเป็นบ้าง แบ่งเก้าอี้กันนั่งให้สนุกทวารกันไป ให้มีชื่อเสียงเกียรติยศประดับวงศ์ตระกูล
เป็นเกมของตัวสำรอง สลับกันเล่น ก่อนที่ตัวจริงจะกลับมา!!
กระนั้น ถ้ารัฐมนตรีคนไหนทำผลงานได้ดี อาจได้ทำงานต่อไปอีก พรรคเพื่อไทยจึงจะบีบให้รัฐมนตรีทำผลงานด้วยการให้ลาออกจากการเป็น ส.ส. ปล่อยให้ขาลอยเอาไว้ หากวันใดไร้ผลงาน บริหารบ้านเมืองห่วยแตก ก็ปรับออกไปนั่งเลี้ยงหลานอยู่บ้านทันที ไม่มีสถานะ ส.ส.รองรับเป็นสนับก้นอีกต่อไป
เรื่องการให้รัฐมนตรีลาออกจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นข้อตกลงที่ทำกันไว้เดิมภายในตั้งแต่ตอนยังไม่เลือกตั้ง เป็นข้อสัญญาของการจัดทำบัญชีรายชื่อ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ วางเงื่อนไขกันไว้ไม่ให้กระเพื่อมรุนแรง ช่วงนั้นจัดกันลำบากลำบน คนนั้นคนนี้ไม่พอใจจึงมีมาตรการลักษณะนี้ออกมา
ซึ่งก็เคยทำมาแล้วสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้หลบหนีคดี ใครเป็นรัฐมนตรีก็ต้องลาออกจากผู้แทน
ไม่ทันไรก็มีเสียงเรียกร้อง กระตุ้นเตือนจากผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับถัดๆ ไป เช่น ชินวัฒน์ หาบุญพาด ลำดับที่ 72 จี้ให้พรรคเร่งทำตามข้อตกลงที่เคยวางไว้ สั่งให้รัฐมนตรีลาออกจากส.ส.เปิดทางให้พวกตัวเองเป็น ส.ส.กับเขาบ้าง
หากไล่เรียงรายชื่อดู มีรัฐมนตรีกว่า 10 คน ที่เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ถ้าลาออกไปจะขยับกันชุดใหญ่ทีเดียว พวกที่จ่อรอคิวก็แอบลุ้นอย่างเงียบๆ บ้าง โวยวายบ้าง ไม่ว่าจะเป็น ดนุพร ปุณณกันต์ ลำดับ 62 ยุรนันท์ ภมรมนตรี ลำดับ 63 อุดมรัตน์ อาภรณ์รัตน์ ลำดับ 66 ชวลิต วิชยสุทธิ์ ลำดับ 67 ถิรชัย วุฒิธรรม ลำดับ 74 เป็นต้น
“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีก็ออกมารับลูก ประกาศชัดเจนว่ารัฐมนตรีหลายคนต้องลาออกจากการเป็น ส.ส. ส่งสัญญาณเข้มๆ กดดันกันแล้ว แต่เชื่อว่าจะต้องมีรัฐมนตรีหลายคนแข็งขืน ยืนกรานไม่ลาออกแน่ ฉะนั้น พรรคเพื่อไทยจึงเตรียมออกเป็นมติพรรคระบุชัดเจนว่า รัฐมนตรีต้องลาออกจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อ เหลือไว้เพียงตำแหน่งฝ่ายบริหาร
อย่างไรก็ตาม ในจำนวนนี้เบื้องต้นจะเหลือไว้ 3 คน คือ ลำดับ 1-2 และ 3 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยงยุทธ วิชัยดิษฐ และร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เพราะนายกฯ จะขาลอยจาก ส.ส.ไม่ได้ ในขณะที่ยงยุทธ สแตนด์บายยามเหตุฉุกเฉินยิ่งลักษณ์หลุดวงโคจร ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิมยกไว้คนหนึ่งเผื่อใช้งานในสภา และเผื่อเป็นไม้ 3 ด้วย นอกจากนี้อาจจะมีคนอื่นๆ อีกด้วยเหตุผลบางอย่าง
การให้รัฐมนตรีลาออกจาก ส.ส.โดยเหลือบางคนไว้ อาจเป็นจุดที่ทำให้บางคนออกมาโวยวายถึงมาตรฐานที่ไม่เท่าเทียม จนกลายเป็นความขัดแย้งรอบใหม่ การจะเหลือใครไว้ย่อมต้องมีเหตุผลรองรับที่ดีพอ มิฉะนั้นก็จะเกิดการแข็งขืนไม่ลาออกกันเลย ซึ่งถ้าหากใช้มติพรรคบีบ ความขัดแย้งก็จะสุมไว้เป็นคลื่นใต้น้ำ วันหนึ่งถ้าหลุดจากอำนาจ อาจก่อหวอดสร้างก๊วนต่อรองให้พรรคปวดหัวเล่น เพราะตัวเองก็ว่างงานไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว
อย่างไรก็ดี สำหรับมาตรการนี้ แกนนำพรรคได้วางเกมไว้เพื่อกดดันการทำงานของรัฐมนตรี ไม่ให้เดินหลงอำนาจ หรือทำอะไรเลอะเทอะมูมมาม พร้อมสกัดการต่อรอง ตั้งตนเป็นใหญ่ ให้ลาออกจาก ส.ส.ขาลอยเอาไว้ ถ้าไม่เชื่อฟัง หรือทำอะไรเสื่อมเสีย ก็ริบตำแหน่งรัฐมนตรี กลายเป็นชาวบ้านธรรมดา
ฉะนั้นพวกที่ต้องอาศัยตำแหน่ง ต้องยึดโยงกับอำนาจลาภยศ ย่อมไม่กล้าหยิ่งผยองกับแกนนำพรรคแน่ ว่าอย่างไรก็ต้องว่าตามนั้น อำนาจต่อรองจึงเบ็ดเสร็จอยู่ที่แกนนำพรรคตัวจริง ทิศทางการเดินจึงไปทางเดียวกัน ใครมีความคิดสร้างสรรค์ แหวกแนว ถ้าหากไม่ตรงกับพรรคก็มีโอกาสโดนกุดหัวกลับบ้านไปเลี้ยงหลานได้ง่ายๆ
มาตรการนี้อาจเป็นดาบสองคม ทำให้บางทีประชาชนอาจจะเสียโอกาสที่จะเห็นสิ่งใหม่ๆ รวดเร็ว ทันใจ เพราะรัฐมนตรีจะขยับทำอะไรทีต้องสอบถามพรรค ต้องรอมติ สุดท้ายอาจต้วมเตี้ยมอืดอาด ไม่ทันใจประชาชน กลายเป็นไร้ผลงานไปเสียฉิบ และก็อาจทำให้ภาพลักษณ์ ครม. รัฐบาลโดยรวมไร้ประสิทธิภาพไปด้วย
ไอ้ที่คิดฝันจะอยู่เสวยสุขกันยาวๆ อาจเหลือช่วงฮันนีมูนสั้นๆ เท่านั้น