ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - สสจ.เชียงใหม่แจงผลการจัดเก็บ “ซูโดอีเฟดรีน” ระบุแจ้งร้านขายยา-สถานพยาบาลเร่งส่งคืนให้เสร็จก่อนหมดเขต 3 พฤษภาคมแล้ว พร้อมรับฝากซูโดอีกกว่า 2 แสนเม็ด ย้ำตั้งแต่วันที่ 4 หากพบมียาโดยไม่ได้รับอนุญาตมีโทษแน่ ส่วนความคืบหน้าเรื่องคดีซูโดฯ เผยผู้ตรวจกระทรวงเตรียมลงพื้นที่สอบเพิ่ม หลังคดีดอยหล่อส่อแววยาหายเยอะกว่าเดิม
วันนี้ (2 พ.ค.) ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ นายแพทย์วัฒนา กาญจนกามล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยถึงมาตรการการดำเนินการเกี่ยวกับยาซูโดอีเฟดรีนของจังหวัดเชียงใหม่ จากกรณีที่วันพรุ่งนี้ (3 พ.ค.) ถือเป็นวันครบกำหนด 30 วันที่ร้านขายยาและสถานพยาบาลต่างๆ จะต้องทำการส่งคืนยาซูโดอีเฟดรีนสูตรผสม ภายหลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดให้ซูโดอีเฟดรีนเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ประเภท 2 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา
นายแพทย์วัฒนากล่าวว่า นับตั้งแต่มีประกาศของกระทรวงสาธารณสุขออกมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ได้แจ้งให้ร้านขายยาและสถานพยาบาลต่างๆ ได้ดำเนินการจัดส่งยาคืนไปยังบริษัทผู้ผลิตยาหรือตัวแทน ซึ่งมีรายงานว่าร้านขายยาหรือสถานพยาบาลต่างๆ ได้ดำเนินการแล้ว
ขณะเดียวกันมีบางส่วนที่เลือกนำยามาฝากไว้กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแทน โดยในขณะนี้มีร้านขายยา 1 แห่ง คลินิกเอกชน 1 แห่ง และโรงพยาบาลของรัฐอีก 2 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลฮอด และโรงพยาบาลสันป่าตอง นำยาซูโดอีเฟดรีนมาฝากไว้กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีจำนวนยาที่นำมาฝากทั้งสิ้น 247,000 เม็ด กับซูโดอีเฟดรีนชนิดขวดอีก 400 ขวด
นายแพทย์วัฒนากล่าวต่อไปว่า สำหรับสถานพยาบาลหรือร้านขายยาใดที่ไม่สามารถจัดส่งยากลับคืนไปยังบริษัทผู้ผลิตได้ ก็สามารถนำยามาฝากไว้กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดได้ โดยจะไม่มีความผิดฐานครอบครองแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคมเป็นต้นไป จะมีเฉพาะสถานพยาบาลของรัฐเท่านั้นที่จะยังมียาซูโดอีเฟดรีนให้บริการ
ขณะที่ตามร้านขายยาต่างๆ นั้นห้ามให้จำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองโดยเด็ดขาด ทั้งนี้ อยากขอฝากเตือนประชาชนที่เคยชินกับการใช้ซูโดอีเฟดรีนและซื้อไปเก็บไว้ในครอบครองด้วยว่า หากมียาปริมาณมากเก็บไว้และถูกตรวจพบก็จะมีความผิดตามกฎหมายเช่นกัน
ส่วนกรณีของโรงพยาบาลเอกชนนั้น นายแพทย์วัฒนาระบุว่า หากมีความต้องการใช้ยาซูโดอีเฟดรีนก็จะต้องทำเรื่องขออนุญาตก่อน อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันได้มีการนำยาฟีนิลเอฟรีน (Phenylephrine) มาใช้ทดแทนเป็นอีกทางเลือกหนึ่งแล้ว ซึ่งผู้ป่วยหรือโรงพยาบาลสามารถพิจารณาได้ว่าจะยังคงใช้ซูโดอีเฟดรีนหรือยาตัวใหม่ในการรักษาพยาบาล
ด้านปริมาณของซูโดอีเฟดรีนที่ยังคงเหลืออยู่ภายหลังจากการดำเนินการจัดเก็บนั้น นายแพทย์วัฒนาเปิดเผยว่า จากการสำรวจตามโรงพยาบาลของรัฐ พบว่ายังคงมีซูโดอีเฟดรีนสำหรับให้บริการอีกประมาณ 220,000 เม็ด กับชนิดขวดอีกประมาณ 110,000 ขวด ซึ่งจากปริมาณที่มีอยู่คาดว่าน่าจะเพียงพอต่อการให้บริการประชาชนไปได้จนถึงช่วงปลายปีนี้
อย่างไรก็ตาม เรื่องการตัดสินใจใช้ยานั้นถือเป็นดุลพินิจของโรงพยาบาลแต่ละแห่งว่าจะยังใช้ซูโดอีเฟดรีนหรือใช้ยาชนิดอื่นทดแทน
สำหรับมาตรการในการดำเนินการหลังจากครบกำหนดการจัดส่งยาซูโดอีเฟดรีนคืนนั้น นายแพทย์วัฒนากล่าวว่า จะมีการออกตรวจตามร้านขายยาและสถานพยาบาลต่างๆ โดยหากพบว่ายังมีการครอบครองยาไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตก็จะมีความผิดทันที ขณะเดียวกันจะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบปริมาณการใช้ยาและจำนวนยาที่คงเหลืออยู่ตามโรงพยาบาลต่างๆ โดยจะมีการประสานกับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อย่างต่อเนื่อง
ส่วนความคืบหน้าของการดำเนินคดีเกี่ยวกับยาซูโดอีเฟดรีนที่จังหวัดเชียงใหม่นั้น นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่กล่าวว่า คดีต่างๆ ที่มีการแจ้งความดำเนินคดีนั้นยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนในประเด็นต่างๆ เพิ่มเติม โดยในวันพรุ่งนี้ (3 พ.ค.) คณะผู้ตรวจจากกระทรวงสาธารณสุขจะเดินทางไปยังโรงพยาบาลฮอดเพื่อทำการสืบสวนหาข้อมูลเพิ่มเติม เนื่องจากพบว่ายังมีประเด็นที่มีข้อสงสัยในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบริหารจัดการยา การรั่วไหลของยาจากโรงพยาบาล และปัญหาทั้งในส่วนของการซื้อยา การรับยาและการเบิกจ่าย
ขณะที่คดีของโรงพยาบาลดอยหล่อนั้น จากเดิมที่พบว่ามียาซูโดอีเฟดรีนหายไปจากโรงพยาบาลประมาณ 60,000 เม็ดนั้น ล่าสุดพบว่ามีการแอบอ้างใช้ชื่อโรงพยาบาล โดยเภสัชกรของโรงพยาบาลในการสั่งซื้อยาจากผู้ผลิต ทำให้เชื่อได้ว่าน่าจะมีจำนวนยาที่หายไปมากกว่า 60,000 เม็ด ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเร่งดำเนินการสอบสวนว่ายาที่หายไปมีจำนวนทั้งสิ้นเท่าใด