บุรีรัมย์ - ตร.สรุปสำนวนคดีทุจริตจำนำข้าวบุรีรัมย์ ฉาว กรณีเกษตรกร 11 อำเภอ นำข้าวเปลือกร่วมโครงการรับจำนำของรัฐบาล แต่ “อคส.” ไม่ออกใบประทวนให้ไปขึ้นเงินกับ “ธ.ก.ส” กว่า 600 ราย รวมกว่า 50 ล้าน พบจนท.รัฐร่วมกับบุคคลภายนอกทุจริตฉ้อโกงประชาชนและรัฐเสียหาย ชี้ทำเป็นขบวนการ เผยส่งสำนวนให้ ป.ป.ท. เชือดตามกม. ขณะเกษตรกร 92 ราย ยังไม่ยอมมาแสดงตนว่าเป็นเจ้าของข้าวเกินจำนวนที่แจ้งไว้กับ ธ.ก.ส.
วันนี้ ( 27 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีเกษตรกรจาก 11 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง, หนองหงส์, ลำปลายมาศ, นางรอง, ปะคำ, ชำนิ, ละหานทราย, ประโคนชัย, โนนสุวรรณ, เฉลิมพระเกียรติ และอ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ที่นำข้าวเปลือกไปเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/2555 ของรัฐบาล ยังโรงสีที่เข้าร่วมโครงการฯ ในเขตพื้นที่อำเภอหนองกี่ แต่ทางเจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้า(อคส.)ไม่ออกใบประทวนให้ เพื่อเป็นหลักฐานนำไปขึ้นเงินกับ ธนาคารเพื่อเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวนกว่า 600 ราย เป็นเงินกว่า 50 ล้านบาท
ต่อมา เกษตรกรได้นำเอกสารหลักฐานใบชั่งน้ำหนักข้าวที่ทางโรงสีออกให้ เข้าแจ้งความที่สภ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ กว่า 460 รายเพื่อรักษาสิทธิ์ หลังได้สิ้นสุดโครงการรับจำนำข้าวไปแล้ว เมื่อวันที่ 29 ก.พ. ที่ผ่านมา เพราะเกรงว่าจะมีปัญหาไม่ได้รับเงินจากการนำข้าวเข้าร่วมโครงการจำนำดังกล่าว c]t ทางกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ตั้งพนักงานสืบสวนสอบสวนชั้นสัญญาบัตร จำนวน 15 นาย จาก 10 สภ. ดำเนินการแยกสอบสวนเกษตรกร เพื่อดำเนินคดีให้เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม นั้น
ล่าสุด ทางพนักงานสอบสวนได้ประชุมสรุปสำนวนการสอบสวนคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวที่ จ.บุรีรัมย์ ดังกล่าว พบว่า คดีนี้มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาร่วมทุจริตในการกระทำความผิดร่วมกับบุคคลภายนอกด้วย ซึ่งเป็นการฉ้อโกงประชาชน และฉ้อโกงรัฐ ทำให้ประชาชนและรัฐได้รับความเสียหาย
ดังนั้น ทางพนักงานสอบสวนจึงมีความเห็นว่า ควรส่งมอบสำนวนการสอบสวนไปให้กับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. กระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ดำเนินการเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐและผู้เกี่ยวข้องต่อไป ส่วนทาง ป.ป.ท.จะเรียกใครมาสอบสวนเพิ่มเติม หรือจะพิจารณาตามสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนที่ส่งไปให้ก็สามารถกระทำได้ ก่อนจะดำเนินการชี้มูลความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ และผู้เกี่ยวข้องต่อไป
ทางด้าน พ.ต.อ.วิรัตน์ ถาดทอง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งได้รับหมายจาก พล.ต.ต.รัฐพงษ์ ยิ้มใหญ่ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นผู้รับผิดชอบคดีนี้ กล่าวว่า หลังจากนี้จะได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลงไปตรวจสอบในรายละเอียดว่า มีใครเป็นผู้เข้าไปแจ้งเกษตรกรในแต่ละพื้นที่เข้ามาร่วมในการกระทำทุจริตดังกล่าว เพราะเชื่อว่าทำกันเป็นขบวนการ คนเดียวจะทำไม่ได้ ที่จะนำไปสู่การฉ้อโกงประชาชน และฉ้อโกงรัฐ โดยเบื้องต้นพบว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐมีพฤติการณ์ทุจริตร่วมกับท่าข้าวในพื้นที่ ส่วนจะมีคนอื่นร่วมด้วยหรือไม่ ทางตำรวจจะไปสืบสวนต่อไป
อย่างไรก็ตาม หากการสอบสวนของตำรวจในเชิงลึก พบว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้ประกอบการ และใครก็ตามเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวในครั้งนี้ ก็จะดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนทันทีไม่มีละเว้น เพราะถือว่าเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากทางพนักงานสอบสวนได้ส่งมอบสำนวนการสอบสวนให้กับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. กระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ดำเนินการเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐและผู้เกี่ยวข้องแล้วนั้น มีรายงานข่าวแจ้งว่า ทาง ป.ป.ท.เตรียมส่งเจ้าหน้าที่ลงมาสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ จงบุรีรัมย์ ในเร็วๆ นี้
สำหรับกรณี คณะกรรมการติดตามกำกับดูแลการรับจำนำข้าว ได้สั่งให้ ธ.ก.ส.ชะลอการจ่ายเงินให้เกษตรกรที่ได้รับใบประทวนจาก อคส. ไปแล้วทั้งหมด 1,184 ราย เป็นเงินกว่า 130.1 ล้านบาท มานานร่วม 3 เดือน โดยล่าสุดทางคณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการรับจำนำข้าว ได้ตรวจสอบเอกสาร หลักฐานและคัดกรองเกษตรกรที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำทุจริตแล้ว จึงได้อนุมัติให้ ธ.ก.ส.จ่ายเงินให้เกษตรกรที่ถูกชะลอไปแล้ว จำนวน 1,092 ราย เป็นเงินทั้งสิ้น 119 ล้านบาท
ส่วนเกษตรกรที่เหลือในอีก 4 อำเภอ จำนวน 92 ราย ได้แก่ อ.โนนสุวรรณ 6 ราย, นางรอง 19 ราย, สตึก 19 ราย และ อ.เมือง 48 ราย ที่ยังชะลอการจ่าย รวมเป็นเงินกว่า 11.9 ล้านบาท เนื่องจากเกษตรกรกลุ่มดังกล่าวยังไม่มาแสดงตัวยืนยันความเป็นเจ้าของข้าวกับ ธ.ก.ส. และยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการฯ ถึงความผิดปกติ นั้น ปรากฏว่า เกษตรกรกลุ่มดังกล่าวก็ยังไม่ยอมมาแสดงตนยืนยันความเป็นเจ้าของข้าวแต่อย่างใด ซึ่งคาดว่าจะตรวจสอบแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้