บุรีรัมย์ - “ธ.ก.ส.” บุรีรัมย์จ่ายเงินเกษตรกรที่ถูกชะลอการจ่ายเงินโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลมานานร่วม 3 เดือนแล้ว 1,140 ราย จากที่ถูกชะลอเหตุตรวจพบความผิดปกติส่อทุจริตทั้งหมด 1,184 ราย กว่า 130.1 ล้าน ขณะอีก 48 รายพิรุธไม่กล้าแสดงตัวยืนยันเป็นเจ้าของข้าว ส่วนคดีเกษตรกร 460 รายนำข้าวเข้าร่วมโครงการฯ แล้วไม่ได้รับใบประทวนจาก “อคส.” ล่าสุดตำรวจส่งสำนวนคดีให้ ป.ป.ท.เชือดแล้ว แฉพบเจ้าหน้าที่รัฐเอี่ยวฉ้อโกงรัฐและประชาชนอื้อ 14-15 คน
วันนี้ (17 พ.ค.) นายนิยม รัตนเย็นใจ ผู้อำนวยการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จ.บุรีรัมย์ เปิดเผยว่า หลังมีการตรวจพบความผิดปกติส่อทุจริตสวมสิทธิในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/2555 แบบใบประทวน ของรัฐบาลที่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งได้สิ้นสุดโครงการฯ ไปเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จนทาง ธ.ก.ส.ต้องชะลอการจ่ายเงินให้เกษตรกรที่ได้รับใบประทวนจากองค์การคลังสินค้า (อคส.) แล้วทั้งหมด 1,184 ราย เป็นเงินกว่า 130.1 ล้านบาท มานานร่วม 3 เดือน
ล่าสุดทางคณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการรับจำนำระดับอำเภอได้ตรวจสอบเอกสารหลักฐานและคัดกรองเกษตรกรที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำทุจริตแล้ว จึงได้อนุมัติให้ ธ.ก.ส.จ่ายเงินให้เกษตรกรที่ถูกชะลอแล้ว 1,140 ราย เป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 124 ล้านบาท
ส่วนเกษตรกรที่เหลือในอีก 1 อำเภอ คือ อ.เมืองบุรีรัมย์ จำนวน 48 ราย ที่ยังชะลอการจ่าย รวมเป็นเงินกว่า 6 ล้านบาท เนื่องจากเกษตรกรกลุ่มดังกล่าวยังไม่มาแสดงตัวยืนยันความเป็นเจ้าของข้าวต่อ ธ.ก.ส.และยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการฯ ระดับอำเภอถึงความผิดปกตินั้น โดยให้เกษตรกรกลุ่มดังกล่าวมาแสดงตนยืนยันรับรองความเป็นเจ้าของข้าว ซึ่งหากเกษตรกรมายืนยันว่าเป็นเจ้าของจริง ทาง ธ.ก.ส.คาดว่าจะตรวจสอบแล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทาง ธ.ก.ส.ได้จ่ายเงินให้เกษตรกรที่นำข้าวมาจำนำในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/2555 แล้ว 68,847 ราย ปริมาณข้าว 334,669 ตัน รวมเป็นเงินกว่า 6,358.7 ล้านบาท
นายนิยมกล่าวอีกว่า ส่วนเกษตรกรอีกกว่า 460 รายที่นำข้าวไปเข้าร่วมโครงการรับจำนำแต่ยังไม่ได้รับใบประทวนจาก อคส.ที่ได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้ใน 11 อำเภอนั้น ซึ่งจากการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการรับจำนำระดับจังหวัดได้ข้อสรุปว่า ให้ทางคณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการรับจำนำระดับอำเภอแต่ละอำเภอไปตรวจสอบ แล้วให้เกษตรกรมีการรับรองตัวเอง แล้วผลการรับรองของเกษตรกรที่ได้นำข้าวมาส่งจริงให้คณะกรรมการฯ ระดับจังหวัด โดยกลุ่มดังกล่าวทาง ธ.ก.ส.ไม่สามารถจ่ายเงินให้เกษตรกรได้จนกว่าจะดำเนินการตรวจสอบแล้วเสร็จ
ทางด้าน พ.ต.อ.วิรัตน์ ถาดทอง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (รอง ผบก.ภ.จว.) บุรีรัมย์ ซึ่งได้รับหมายจาก พล.ต.ต.รัฐพงษ์ ยิ้มใหญ่ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) บุรีรัมย์ เป็นผู้รับผิดชอบคดีนี้ กล่าวว่า ล่าสุดทางพนักงานสอบสวนได้ส่งมอบสำนวนการสอบสวนคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวที่ จ.บุรีรัมย์ ไปให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. กระทรวงยุติธรรมเป็นผู้ดำเนินการเอาผิดต่อเจ้าหน้าที่รัฐและผู้เกี่ยวข้องแล้ว เนื่องจากคดีนี้มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาร่วมทุจริตในการกระทำความผิดร่วมกับบุคคลภายนอกด้วย ซึ่งเป็นการฉ้อโกงประชาชน และฉ้อโกงรัฐทำให้ประชาชนและรัฐได้รับความเสียหาย
ส่วนทาง ป.ป.ท.จะเรียกใครมาสอบสวนเพิ่มเติมหรือจะพิจารณาตามสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนที่ส่งไปให้ก็สามารถกระทำได้ ก่อนจะดำเนินการชี้มูลความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ และผู้เกี่ยวข้องต่อไป
พ.ต.อ.วิรัตน์กล่าวอีกว่า เชื่อว่ามีการร่วมกระทำกันเป็นขบวนการ คนเดียวจะทำไม่ได้ที่จะนำไปสู่การฉ้อโกงประชาชน และฉ้อโกงรัฐซึ่งทางตำรวจจะได้สืบสวนสอบสวนต่อไป อย่างไรก็ตาม หากการสอบสวนของตำรวจในเชิงลึกพบว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้ประกอบการ และใครก็ตามเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวครั้งนี้ ก็ให้มีการดำเนินคดีต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนทันทีไม่มีละเว้นเพราะถือว่าเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐร่วมกับบุคคลภายนอกในการทุจริตกระทำความผิดร่วมกันจำนวน 14-15 คน มีรายงานข่าวแจ้งว่า ทาง ป.ป.ท.เตรียมส่งเจ้าหน้าที่ลงมาสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ในเร็วๆ นี้
