แฉโรงสีศรีสะเกษลอบรับฝากข้าวนาปรัง ผู้ว่าฯ เต้นสั่งสอบ หวั่นนำสวม-ผสมข้าวนาปี

ศรีสะเกษ - แฉโรงสีศรีสะเกษลักลอบเปิดรับฝากข้าวนาปรังจากชาวนา โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมโครงการจำนำข้าวนาปรัง และค้างส่งมอบข้าวนาปีให้แก่รัฐบาลอยู่เป็นจำนวนมาก ด้านผู้ว่าฯ ศรีสะเกษเต้นหวั่นนำเอาข้าวนาปรังไปสวม หรือผสมกับข้าวหอมมะลินาปี ที่มีราคาต่างกันถึงตันละ 5,000 บาท สั่งตั้งกรรมการไปตรวจสอบข้อเท็จจริงด่วน

วันนี้ (21 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดศรีสะเกษ ว่า จากการที่ขณะนี้ข้าวนาปรังของ จ.ศรีสะเกษที่มีการทำนาปรังในหลายอำเภอ เกษตรกรเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิต และนำออกขายสู่ท้องตลาดแล้วนั้น ปรากฏว่า ได้มีโรงสีบางแห่งที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.ขุนหาญ ได้ลักลอบเปิดรับฝากข้าวนาปรังจากชาวนา โดยไม่มีการออกใบประทวนให้ และที่สำคัญ โรงสีเหล่านี้ยังไม่ได้ส่งมอบข้าวนาปีที่รับจำนำไว้ตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 ครั้งที่ผ่านมาให้รัฐบาลครบถ้วนตามกำหนด และยังมีคงค้างอยู่ในโรงสีจำนวนมาก

ฉะนั้น จึงทำให้หลายฝ่ายเกรงว่า เมื่อมีการรับฝากข้าวนาปรังเข้ามาไว้ในโรงสีก่อนได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมโครงการจำนำข้าวเปลือกนาปรังของรัฐบาล อาจมีการนำข้าวนาปรังมาสวมข้าวนาปี หรือผสมกับข้าวนาปี ซึ่งเป็นข้าวหอมมะลิแล้วนำส่งไปขายในราคาข้าวนาปี ตันละ 20,000 บาท ขณะที่ข้าวนาปรังราคาเพียงตันละ 15,000 บาท ต่างกันถึงตันละ 5,000 บาท และขณะนี้ ได้มีชาวนาที่ไม่ทราบข้อเท็จจริงได้นำเอาข้าวนาปรังมาฝากไว้กับโรงสีที่เปิดรับฝากข้าวนาปรังกันจำนวนมาก

นายประทีป กีรติเรขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ได้รับการร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว และได้สั่งการให้สำนักงานการค้าภายใน จ.ศรีสะเกษ ได้นำคณะประกอบด้วย นายอำเภอขุนหาญ , ผกก.สภ.ขุนหาญ และผู้ช่วยพาณิชย์จังหวัดศรีสะเกษ ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่โรงสีแห่งหนึ่ง ใน อ.ขุนหาญ

เบื้องต้นทราบว่า โรงสีแห่งนี้ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง แต่อย่างใด ซึ่งขณะนี้ มีโรงสีที่สมัครเข้าร่วมโครงการจำนวนประมาณ 10 แห่ง แต่มีโรงสีที่มีคุณสมบัติครบถ้วนเพียงแห่งเดียว คือ โรงสีไฟบางซื่อเจียเม้ง เนื่องจากโรงสีอื่นๆ ยังค้างส่งข้าวโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีให้แก่รัฐบาลอยู่

การที่โรงสีบางแห่งมีการเปิดรับฝากข้าวนาปรังจากชาวบ้านไว้ก่อน อาจทำให้ชาวนามีปัญหา และเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีการนำเอาข้าวนาปรังไปผสมกับข้าวนาปี ตนจะสั่งการให้มีการตรวจสต๊อกข้าวนาปีของโรงสีที่เข้าร่วมโครงการอย่างละเอียด ซึ่งขณะนี้ มีโรงสีที่ยังมีข้าวนาปีที่ยังค้างส่งอยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงสีใหญ่แห่งหนึ่งใน อ.ห้วยทับทัน นับเป็นโรงสีที่ยังค้างส่งข้าวนาปีรายใหญ่ที่สุด

“การที่โรงสีแอบลักลอบรับฝากข้าวจากชาวบ้าน ก่อนได้รับอนุญาตเช่นนี้ อาจต้องให้ชาวบ้านมากดดันบีบทางราชการเพื่อให้รับอนุญาต ซึ่งเราจะไม่ยอมอย่างเด็ดขาด และการแต่งตั้งคณะกรรมการไปตรวจสอบครั้งนี้ หากพบโรงสีมีการกระทำที่ไม่ถูกต้องก็ให้ระงับยับยั้งไว้ก่อน และให้ประชาสัมพันธ์ให้ชาวนา อ.ขุนหาญ และอำเภอใกล้เคียงได้รับทราบและมีความเข้าใจในเรื่องนี้” นายประทีป กล่าว

นายประทีป กล่าวต่อว่า ในวันจันทร์ที่ 23 เม.ย.นี้ จะมีการประชุมพิจารณาอนุญาตโรงสีให้เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง โดยหากโรงสีใดมีความพร้อม เป็นไปตามระเบียบและเงื่อนไขที่ทางราชการกำหนดไว้ ก็จะให้เข้าร่วมโครงการ เช่น หากโรงสีไฟเจียเม้งมีความพร้อม ก็ให้เข้าร่วมโครงการ และสามารถขยายเปิดรับจำนำข้าวนอกพื้นที่ได้ ซึ่งทาง จ.ศรีสะเกษ ไม่ได้ปิดกั้นโรงสีใด แต่ส่วนมากแล้ว ยังคงติดขัดที่ยังไม่ได้สีแปรข้าวนาปีส่งไปให้รัฐบาลครบถ้วน เหมือนกับว่าหนี้เก่ายังไม่ได้ใช้ หนี้ใหม่ก็ยังมาเพิ่ม จึงทำให้ไม่สามารถที่จะอนุญาตให้เข้าร่วมโครงการได้

ทางด้าน น.ส.ปณิดา เอกผดุงพงศ์ การค้าภายในจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ประสานงานเพื่อดำเนินการตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษแล้ว และจะได้ลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงตามข้อร้องเรียนโดยด่วนที่สุด โดยขณะนี้ มีโรงสีที่ยังไม่ได้สีแปรข้าวตามออเดอร์อยู่จำนวน 15,000 ตัน ส่วนที่สีแปรแล้วยังค้างส่งเข้าโกดัง

ส่วนการป้องกันการนำเอาข้าวนาปรังไปผสมกับข้าวนาปีนั้น ทางส่วนกลางได้ส่งเจ้าหน้าที่สายตรวจออกมาตรวจสอบเป็นระยะๆ และในส่วนของจังหวัดนั้น ทาง จ.ศรีสะเกษ ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการเป็นชุดตรวจ จำนวน 2 ชุด ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันออกไปตรวจสอบในพื้นที่ที่รับผิดชอบ

ขณะนี้ มีโรงสีที่เปิดรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังแล้ว เพราะไม่มีภาระการส่งมอบข้าวนาปีมีเพียงโรงสีเดียว คือ โรงสีไฟบางซื่อเจียเม้ง ที่เปิดรับในเขต อ.เมืองศรีสะเกษ และในวันจันทร์ที่ 23 เม.ย. นี้ ทาง จ.ศรีสะเกษ จะได้มีการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามการรับจำนำข้าวระดับจังหวัด เพื่อพิจารณาอนุมัติให้โรงสีไฟบางซื่อเจียเม้งออกไปรับจำนำข้าวนอกพื้นที่ได้ที่ อ.กันทรลักษ์ และ อ.ขุขันธ์ โดยที่ อ.ขุขันธ์ จะสามารถรับจำนำข้าวของ อ.ขุนหาญได้ด้วย

สำหรับโรงสีอื่นๆ ที่สมัครเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังของรัฐบาล ก็จะมีคณะกรรมการไปตรวจสอบสต๊อกข้าวนาปี เพื่อป้องกันการรับฝากข้าวไว้ก่อน ซึ่งหากยังไม่มีความพร้อม และยังไม่ได้ส่งข้าวนาปีครบถ้วน ก็ยังคงไม่สามารถให้เข้าร่วมโครงการได้