“ส.ว.ยุทธนา” แปลกใจรับจำนำข้าวหอมมะลิช่วงนาปรังจะเอาข้าวไหนมาขาย จี้ รมว.พาณิชย์พิจารณาให้รอบคอบ - “ส.ว.วันชัย” แฉมีพวกประมูลรถน้ำท่วมขายย้อมแมวชาวบ้าน จี้ สคบ.สอบ ขณะที่ ส.ว.กทม.ปูดพม่าน้ำมันถูกกว่าไทยทั้งที่บ้านเรากลั่นเองได้ สับรัฐสวนทางหาเสียงกระชากราคาพลังงานสูง เชื่อถ้าไม่มีต้นทุนเทียมแฝงจะลดค่าครองชีพได้
วันนี้ (6 ก.พ.) ที่รัฐสภา การประชุมวุฒิสภา สมัยสามัญนิติบัญญัติ ครั้งที่ 9 โดยมี พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมประธานได้เปิดโอกาสให้สมาชิกหารือ พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี ส.ว.สรรหา กล่าวถึงโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลว่า กรณีที่อนุกรรมการเตรียมความพร้อมรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2555 ได้เสนอให้มีการรับจำนำข้าวหอมมะลิ ทำให้ตนรู้สึกแปลกใจอยากถาม รมว.พาณิชย์ และนายกรัฐมนตรี ว่าข้าวหอมมะลิผลิตได้เฉพาะนาปี นาปรังไม่เคยผลิตได้ ดังนั้น สงสัยว่าจะนำข้าวที่ไหนมารับจำนำ เพราะข้าวหายไปในโครงการรับจำนำข้าวปี 2554-2555 หายไปถึง 10 ล้านตัน จะเป็นข้าวที่จะเอากลับมาจำนำใหม่หรือไม่ เป็นไปไม่ได้ที่ชาวนาจะฝากโรงสีไว้ ดังนั้น รมว.พาณิชย์จะต้องพิจารณาให้รอบคอบว่าจะเอาข้าวที่ไหน เพราะที่อีสานก็ผลิตไม่ได้ ภาคกลางนาปรังก็ทำไม่ได้ เพราะอยากเตือนรัฐบาลอย่าทำผิดอีก เพราะที่ผ่านมาก็มีการนำข้าวมาผสมปนเปกันจนทำให้โรงสีร่ำรวย
ด้าน นายวันชัย สอนศิริ ส.ว.สรรหา หารือว่า ขณะนี้มีการหลอกลวงผู้บริโภคจำนวนมหาศาล เนื่องจากน้ำท่วมครั้งที่แล้ว มีรถถูกน้ำท่วมถึง 5 หมื่นคัน โดยมีรถที่มีประกันภัย 17,000 คัน ซึ่งบริษัทประกันรับเอาไป และที่สำคัญรถเหล่านี้ซ่อมอย่างไรก็ไม่คุ้ม อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีการประมูลรถที่ถูกน้ำท่วมและนำมาซ่อมแล้วขายในท้องตลาด ประชาชนได้ร้องเรียนว่าว่าซื้อรถมาแล้ว สามวันดีสี่วันเสีย เมื่อสืบเรื่องปรากฏว่าเป็นรถที่เคยถูกน้ำท่วม เป็นการปกปิดข้อมูลข้อเท็จจริง ทำให้ผู้บริโภคเสียเปรียบ และทราบว่าขณะนี้กำลังมีการซ่อมรถเป็นหมื่นๆ คัน ดังนั้น รัฐบาลโดยเฉพาะ สคบ.ต้องรีบตัดไฟแต่ต้นลม หาทางแก้ไขปัญหาให้ประชาชนไม่ให้รับความเสียหาย ประชาชนต้องได้รับข้อมูลข่าวสาร ได้รับการดูแลและคุ้มครองผู้บริโภคไม่ให้นำรถน้ำท่วมมาขายในท้องตลาด
ขณะที่ น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กรุงเทพฯ กล่าวว่า ฝากไปยังนายกรัฐมนตรีเรื่องค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นจากราคาพลังงานที่มีการปรับขึ้นอย่างมโหฬารราคาค่าโดยสารรถแท็กซี่มีประกาศว่าจะเริ่มปรับขึ้น โดยเริ่มต้นที่ 50 บาท รถประจำทางจะเพิ่มขึ้นอีก 2-3 บาท รวมทั้งค่าอาหารและเครื่องอุปโภคบริโภคก็จะทยอยปรับขึ้น ในขณะที่รายได้ของประชาชนระดับล่างยังไม่ได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะก่อให้เกิดความเดือดร้อนอย่างมหาศาล ตนได้มีโอกาสเดินทางไปยังประเทศพม่าได้พบว่าราคาน้ำมันดีเซล และเบนซินในประเทศพม่านั้นถูกกว่าประเทศไทย ทั้งที่ประเทศไทยนั้นกลั่นเองและล้นจนสามารถส่งออกไปขายยังต่างประเทศได้ แต่กลับขายแพงกว่าพม่า ซึ่งพม่าได้นำเข้าน้ำมันจากมาเลเซียราคาน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซลมีราคาถูกกว่า เช่น ดีเซล 23 บาท เบนซิน 22 บาท หรือ 1.5 ยูโรเท่ากับ 60 บาท แต่ราคาอาหารจานเดียว 12-13 ยูโร ในขณะที่ประเทศไทยอาหารอยู่ที่จานละ 25-30 บาท แต่ราคาน้ำมันเบนซิน 91 วันนี้ (6 ก.พ.) 39.04 บาท
น.ส.รสนากล่าวต่อว่า ตนคิดว่าราคาที่แพงมีต้นทุนเทียมอยู่เป็นจำนวนมาก รัฐบาลตอนหาเสียงประกาศจะกระชากค่าครองชีพลงมา ด้วยการลดราคาพลังงาน เช่น ยกเลิกกองทุนน้ำมันแต่ขณะนี้รัฐบาลกำลังทำสวนกับนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ด้วยการขึ้นราคากระชากราคาพลังงานขึ้นทั้งระบบโดยไม่สมควร โดยขณะที่ราคาน้ำมันที่ประเทศไทยอิงราคาประเทศสิงคโปร์ และประเทศไทยยังขายในราคานำเข้าจากประเทศสิงคโปร์ โดยมีเงินอย่างน้อยลิตรละ 2 บาทที่เป็นเงินอุดหนุนให้แก่โรงกลั่นน้ำมัน ตนคิดว่าถ้ารัฐบาลมีการปรับราคาพลังงานไม่ให้มีต้นทุนเทียมเหล่านี้แฝงอยู่ ถ้าไม่มีต้นทุนเทียมแฝงอยู่จะทำให้ราคาน้ำมันลดลงและช่วยลดค่าครองชีพของประชาชนด้วย