กาญจนบุรี - ผู้ว่าฯ กาญจนบุรี แนะ กฟผ.ปล่อยน้ำผลิตไฟฟ้าเพิ่มจาก 2 เขือนยักษ์ “เขื่อนวชิราลงกรณ์-เขื่อนศรีนครินทร์” ต้องรอบคอบ เสนอให้ระวัง 2 ประเด็น คือ 1.ปล่อยน้ำมาก น้ำจะท่วมบ้านเรือนประชาชน 2.ต้องคำนึงถึงน้ำดิบแก้ไขปัญหาภัยแล้ง
จากการที่นายกิตติ ตันเจริญ ผู้ช่วยผู้ว่าการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ กฟผ.ให้สัมภาษณ์ว่าในช่วง 8-19 เม.ย.55 นี้ กฟผ.จะเพิ่มการระบายน้ำในเขื่อนวชิราลงกรณ์ อ.ทองผาภูมิ และเขื่อนศรีนครินทร์ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เพื่อเอื้อประโยชน์ภาคเกษตร และเสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในประเทศ ช่วงที่ก๊าซจากแหล่งเยตากุน ประเทศพม่า หยุดทำการผลิตและจ่ายก๊าซเข้าสู่ระบบเพื่อให้เกิดความรอบคอบนั้น
วันนี้ (6 เม.ย.) นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยเกี่ยวกับการประสานงานกับ กฟผ.เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อชาวกาญจนบุรีว่า จังหวัดกาญจนบุรี ได้รับรายงานทางวาจาจากทางเขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนวชิราลงกรณ์ ว่า ทาง กฟผ. จะทำการบริหารจัดการน้ำเพื่อช่วยในการผลิตไฟฟ้าเข้าสู่ระบบทดแทนการหยุดของแหล่งก๊าซเยตากุน ซึ่งตนได้รับทราบ
ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวต่อว่า เพื่อความรอบคอบตนก็ได้ให้ข้อเสนอแนะแก่ทางเขื่อนทั้งสองแห่ง ให้รายงานต่อ กฟผ.ให้พิจารณาการบริหารจัดการน้ำให้รอบคอบ ใน 2 ประเด็น คือ 1.การระบายน้ำต้องไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน เพราะหากระบายน้ำออกมามากจนทำให้ระดับน้ำสูงจนไหลเอ่อเข้าท่วมในพื้นที่ทำกินของชาวบ้านก็จะเกิดปัญหาต่อชาวบ้านอีก
2. คือการบริหารจัดการน้ำต้องคำนึงถึงปริมาณน้ำต้นทุนที่ต้องบริหารจัดการเพื่อใช้ในการเกษตร และการอุปโภคบริโภค รวมถึงใช้น้ำเพื่อผลิตนำประปาของการประปานครหลวงอีกด้วย ปัจจัยที่สำคัญที่สุด คือ การแก้ปัญหาภัยแล้งคุกคามอย่างรุนแรง
ดังนั้น น้ำต้นทุนที่จะต้องบริหารจัดการอย่างรอบคอบให้เกิดความเหมาะสมต่อการใช้น้ำตลอดทั้งปี จึงได้เสนอแนะต่อทาง กฟผ.ให้พิจารณาให้รอบคอบ เพราะหากเกิดภัยแล้งมาก เราต้องการน้ำไปช่วยในการแก้ปัญหาให้ประชาชนที่ประสบภัยจำนวนมากก็เป็นเรื่องที่จำเป็นเช่นกัน แต่มิได้ปฏิเสธว่าการผลิตไฟฟ้าเข้าสู่ระบบก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน สิ่งเหล่านี้จึงเสนอให้ทาง กฟผ.พิจารณาให้รอบคอบเพื่อประโยชน์ต่อทุกฝ่าย เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่กระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวันของชาวกาญจนบุรี
จากการที่นายกิตติ ตันเจริญ ผู้ช่วยผู้ว่าการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ กฟผ.ให้สัมภาษณ์ว่าในช่วง 8-19 เม.ย.55 นี้ กฟผ.จะเพิ่มการระบายน้ำในเขื่อนวชิราลงกรณ์ อ.ทองผาภูมิ และเขื่อนศรีนครินทร์ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เพื่อเอื้อประโยชน์ภาคเกษตร และเสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในประเทศ ช่วงที่ก๊าซจากแหล่งเยตากุน ประเทศพม่า หยุดทำการผลิตและจ่ายก๊าซเข้าสู่ระบบเพื่อให้เกิดความรอบคอบนั้น
วันนี้ (6 เม.ย.) นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยเกี่ยวกับการประสานงานกับ กฟผ.เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อชาวกาญจนบุรีว่า จังหวัดกาญจนบุรี ได้รับรายงานทางวาจาจากทางเขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนวชิราลงกรณ์ ว่า ทาง กฟผ. จะทำการบริหารจัดการน้ำเพื่อช่วยในการผลิตไฟฟ้าเข้าสู่ระบบทดแทนการหยุดของแหล่งก๊าซเยตากุน ซึ่งตนได้รับทราบ
ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวต่อว่า เพื่อความรอบคอบตนก็ได้ให้ข้อเสนอแนะแก่ทางเขื่อนทั้งสองแห่ง ให้รายงานต่อ กฟผ.ให้พิจารณาการบริหารจัดการน้ำให้รอบคอบ ใน 2 ประเด็น คือ 1.การระบายน้ำต้องไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน เพราะหากระบายน้ำออกมามากจนทำให้ระดับน้ำสูงจนไหลเอ่อเข้าท่วมในพื้นที่ทำกินของชาวบ้านก็จะเกิดปัญหาต่อชาวบ้านอีก
2. คือการบริหารจัดการน้ำต้องคำนึงถึงปริมาณน้ำต้นทุนที่ต้องบริหารจัดการเพื่อใช้ในการเกษตร และการอุปโภคบริโภค รวมถึงใช้น้ำเพื่อผลิตนำประปาของการประปานครหลวงอีกด้วย ปัจจัยที่สำคัญที่สุด คือ การแก้ปัญหาภัยแล้งคุกคามอย่างรุนแรง
ดังนั้น น้ำต้นทุนที่จะต้องบริหารจัดการอย่างรอบคอบให้เกิดความเหมาะสมต่อการใช้น้ำตลอดทั้งปี จึงได้เสนอแนะต่อทาง กฟผ.ให้พิจารณาให้รอบคอบ เพราะหากเกิดภัยแล้งมาก เราต้องการน้ำไปช่วยในการแก้ปัญหาให้ประชาชนที่ประสบภัยจำนวนมากก็เป็นเรื่องที่จำเป็นเช่นกัน แต่มิได้ปฏิเสธว่าการผลิตไฟฟ้าเข้าสู่ระบบก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน สิ่งเหล่านี้จึงเสนอให้ทาง กฟผ.พิจารณาให้รอบคอบเพื่อประโยชน์ต่อทุกฝ่าย เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่กระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวันของชาวกาญจนบุรี
