กาญจนบุรี - จังหวัดกาญจนบุรีประกาศภัยแล้ง 6 อำเภอ 31 ตำบล 365 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 31,500 ครัวเรือน ได้รับผลกระทบ 150,000 คน พื้นที่เกษตรเสียหายกว่า 30,000 ไร่
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (22 มี.ค.) นายไชโย ฤทธิรงค์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดกาญจนบุรี (ปภ.กจ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ที่มีทั้งหมด 13 อำเภอ ขณะนี้หลายพื้นที่กำลังประสบปัญหาภัยแล้ง ซึ่งอำเภอต่างๆ ได้เริ่มทยอยส่งเจ้าหน้าที่ออกสำรวจพื้นที่รับผิดชอบของตน และมีการรายงานความเดือดร้อนเข้ามาจนถึงปัจจุบัน เราได้ประกาศเป็นเขตพิบัติภัยแล้งจำนวน 6 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอเมือง อำเภอพนมทวน อำเภอไทรโยค อำเภอห้วยกระเจา อำเภอเลาขวัญ และอำเภอบ่อพลอย
ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 31,500 ครัวเรือน ประชาชนได้รับผลกระทบ 150,000 คน พื้นที่เกษตรได้รับความเสียหายประมาณ 30,000 ไร่ แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่า จะมีรายงานความเดือดร้อน และความเสียหายเข้ามาเพิ่มเติมอย่างแน่นอน โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอเมือง อำเภอห้วยกระเจา และอำเภอบ่อพลอย และในบางพื้นที่กำลังจะได้รับผลกระทบ แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องประกาศเป็นเขตพิบัติภัยแล้ง
ด้านการให้ความช่วยเหลือประชาชนขณะนี้ ทางองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่ก็ได้มีการใช้รถบรรทุกน้ำไปแจกจ่ายให้กับประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนได้บ้าง โดยเฉพาะน้ำที่ใช้ในการอุปโภคและบริโภค แต่ไม่มากนัก แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด ก็คือ พื้นที่การเกษตร เนื่องจากในพื้นที่ต่างๆ ไม่มีแหล่งกักเก็บน้ำไว้ใช้น่าแล้ง ในส่วนของงบฉุกเฉินที่รัฐบาลมอบให้แต่ละจังหวัด จำนวน 50 ล้านบาท เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ขณะนี้ยังไม่มีพื้นที่ใดทำเรื่องร้องขอมา
สำหรับพื้นที่ที่ไม่ได้รับผลกระทบเรื่องภัยแล้งมี 2 อำเภอ คือ อำเภอท่าม่วง และอำเภอท่ามะกา เนื่องจากทั้งสองอำเภออยู่ในเขตชลประทาน ที่มีคลองผันน้ำจากแม่น้ำแม่กลองเข้าไปถึงทุกพื้นที่ และขณะนี้การประปาส่วนภูมิภาคได้มีนโยบายให้ความช่วยเหลือในด้านบริการน้ำเพื่ออุปโภคและบริโภคฟรี ซึ่งประชาชนสามารถขอความช่วยเหลือไปยังการประปาส่วนภูมิภาคในพื้นที่ได้ตลอดเวลา
ด้าน นายอิทธิพัทธ์ รัตนสุวรรณาชัย นายก อบต.หลุมรัง อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า ตำบลหลุมรังมี 18 หมู่บ้าน 1,200 ครัวเรือน ราษฎร 4,000 คน พื้นที่เกษตรประมาณ 60,000 ไร่ ขณะนี้โดยรอบพื้นเริ่มประสบภัยแล้งแล้ว และอากาศก็ร้อนเป็นอย่างมาก พื้นที่ของเราต้องอาศัยคลองลำตะเพินเป็นแหล่งน้ำเพียงแห่งเดียว แต่เมื่อถึงฤดูแล้งคลองลำตะเพินบางช่วงก็แห้งขอด ทำให้พืชผลทางเกษตรได้รับความเสียหายขยายวงกว้างเพิ่มขึ้น อย่างเช่นไร่สับปะรด เคยมีผลผลิตไร่ละ 10 ตัน ปัจจุบันเหลือไร่ละประมาณ 3-4 ตันเท่านั้น พืชเกษตรอื่นๆ ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน
แต่อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้พื้นที่ตำบลหลุมรัง ยังไม่ได้ประกาศเป็นเขตพิบัติภัยแล้งแต่อย่างใด แต่เชื่อว่า หากฝนไม่ตกลงมาในเร็ววันนี้ เราจำเป็นต้องรายงานให้จังหวัดทราบ เพื่อประกาศเป็นเขตพิบัติภัยแล้งต่อไป
“แต่สิ่งที่ทุกคนต้องการมากที่สุดในขณะนี้ คือ เราอยากให้ทางจังหวัดประสานให้เจ้าหน้าที่ฝนหลวงช่วยลงมาทำฝนเทียมให้มากที่สุด เพื่อเป็นการบรรเทาทุกข์ให้กับชาวบ้านได้อีกทางหนึ่ง” นายก อบต.หลุมรัง กล่าว
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (22 มี.ค.) นายไชโย ฤทธิรงค์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดกาญจนบุรี (ปภ.กจ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ที่มีทั้งหมด 13 อำเภอ ขณะนี้หลายพื้นที่กำลังประสบปัญหาภัยแล้ง ซึ่งอำเภอต่างๆ ได้เริ่มทยอยส่งเจ้าหน้าที่ออกสำรวจพื้นที่รับผิดชอบของตน และมีการรายงานความเดือดร้อนเข้ามาจนถึงปัจจุบัน เราได้ประกาศเป็นเขตพิบัติภัยแล้งจำนวน 6 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอเมือง อำเภอพนมทวน อำเภอไทรโยค อำเภอห้วยกระเจา อำเภอเลาขวัญ และอำเภอบ่อพลอย
ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 31,500 ครัวเรือน ประชาชนได้รับผลกระทบ 150,000 คน พื้นที่เกษตรได้รับความเสียหายประมาณ 30,000 ไร่ แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่า จะมีรายงานความเดือดร้อน และความเสียหายเข้ามาเพิ่มเติมอย่างแน่นอน โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอเมือง อำเภอห้วยกระเจา และอำเภอบ่อพลอย และในบางพื้นที่กำลังจะได้รับผลกระทบ แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องประกาศเป็นเขตพิบัติภัยแล้ง
ด้านการให้ความช่วยเหลือประชาชนขณะนี้ ทางองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่ก็ได้มีการใช้รถบรรทุกน้ำไปแจกจ่ายให้กับประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนได้บ้าง โดยเฉพาะน้ำที่ใช้ในการอุปโภคและบริโภค แต่ไม่มากนัก แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด ก็คือ พื้นที่การเกษตร เนื่องจากในพื้นที่ต่างๆ ไม่มีแหล่งกักเก็บน้ำไว้ใช้น่าแล้ง ในส่วนของงบฉุกเฉินที่รัฐบาลมอบให้แต่ละจังหวัด จำนวน 50 ล้านบาท เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ขณะนี้ยังไม่มีพื้นที่ใดทำเรื่องร้องขอมา
สำหรับพื้นที่ที่ไม่ได้รับผลกระทบเรื่องภัยแล้งมี 2 อำเภอ คือ อำเภอท่าม่วง และอำเภอท่ามะกา เนื่องจากทั้งสองอำเภออยู่ในเขตชลประทาน ที่มีคลองผันน้ำจากแม่น้ำแม่กลองเข้าไปถึงทุกพื้นที่ และขณะนี้การประปาส่วนภูมิภาคได้มีนโยบายให้ความช่วยเหลือในด้านบริการน้ำเพื่ออุปโภคและบริโภคฟรี ซึ่งประชาชนสามารถขอความช่วยเหลือไปยังการประปาส่วนภูมิภาคในพื้นที่ได้ตลอดเวลา
ด้าน นายอิทธิพัทธ์ รัตนสุวรรณาชัย นายก อบต.หลุมรัง อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า ตำบลหลุมรังมี 18 หมู่บ้าน 1,200 ครัวเรือน ราษฎร 4,000 คน พื้นที่เกษตรประมาณ 60,000 ไร่ ขณะนี้โดยรอบพื้นเริ่มประสบภัยแล้งแล้ว และอากาศก็ร้อนเป็นอย่างมาก พื้นที่ของเราต้องอาศัยคลองลำตะเพินเป็นแหล่งน้ำเพียงแห่งเดียว แต่เมื่อถึงฤดูแล้งคลองลำตะเพินบางช่วงก็แห้งขอด ทำให้พืชผลทางเกษตรได้รับความเสียหายขยายวงกว้างเพิ่มขึ้น อย่างเช่นไร่สับปะรด เคยมีผลผลิตไร่ละ 10 ตัน ปัจจุบันเหลือไร่ละประมาณ 3-4 ตันเท่านั้น พืชเกษตรอื่นๆ ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน
แต่อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้พื้นที่ตำบลหลุมรัง ยังไม่ได้ประกาศเป็นเขตพิบัติภัยแล้งแต่อย่างใด แต่เชื่อว่า หากฝนไม่ตกลงมาในเร็ววันนี้ เราจำเป็นต้องรายงานให้จังหวัดทราบ เพื่อประกาศเป็นเขตพิบัติภัยแล้งต่อไป
“แต่สิ่งที่ทุกคนต้องการมากที่สุดในขณะนี้ คือ เราอยากให้ทางจังหวัดประสานให้เจ้าหน้าที่ฝนหลวงช่วยลงมาทำฝนเทียมให้มากที่สุด เพื่อเป็นการบรรเทาทุกข์ให้กับชาวบ้านได้อีกทางหนึ่ง” นายก อบต.หลุมรัง กล่าว
