จันทบุรี - เกิดพายุฤดูร้อนพัดถล่มสวนผลไม้ส่งออกตลาดต่างประเทศ 5 หมู่บ้าน ในพื้นที่ตำบลโป่งน้ำร้อน อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี เสียหายกว่า 50 ไร่ ขณะที่ทางท้องถิ่นได้ลงพื้นที่สำรวจรายงานให้ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบได้รับทราบเพื่อให้การช่วยเหลือ
กลางดึกวันนี้(1 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายสุชาติ รุ่งสว่าง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 13 ตำบลโป่งน้ำร้อน อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี ว่า เกิดพายุฤดูร้อนได้พัดถล่มสวนผลไม้ส่งออกตลาดต่างประเทศของชาวบ้านใน 5 หมู่บ้าน ได้รับความเสียหายกว่า 50 ไร่
หลังรับแจ้ง ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปที่หมู่ที่ 13 บ้านสามสิบ ตำบลโป่งน้ำร้อน อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี พบนายสุชาติ รุ่งสว่าง ผู้ใหญ่บ้าน นายชูชาติ โพธิ์ทอง และนายศักดิ์สิทธิ พรภัก สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลโป่งน้ำร้อน และชาวบ้าน ได้ยืนรอผู้สื่อข่าวอยู่ จากนั้น ผู้นำท้องถิ่น สมาชิกสภา และชาวบ้านได้พาผู้สื่อข่าวไปดูร่องรอยความเสียหายจากพายุฤดูร้อนที่พัดถล่มสวนผลไม้ ใน 5 หมู่บ้าน คือ หมู่ที่ 3 หมู่ที่ 7 หมู่ที่ 8 หมู่ที่ 11 และหมู่ที่ 13 ปรากฏว่า มีสวนทุเรียน 1,500 ต้น กล้วยไข่ส่งออกตลาดต่างประเทศกว่า 200 ต้น ลำไยกว่า 100 ต้น และมะไฟกว่า 50 ต้น ถูกพายุพัดถล่มต้นหักโค่น ฉีกขาด ถอนรากถอนโคน และลูกทุเรียนร่วงหล่นเสียหายเป็นจำนวนมาก
โดยเฉพาะสวนของ นางรินชพร นาแถมนาค อยู่บ้านเลขที่ 148 หมู่ที่ 13 ตำบลโป่งน้ำร้อน อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี ถูกพายุฤดูร้อนพัดถล่มสวนผลไม้ คือ ลำไย กล้วยไข่ และทุเรียน เสียหายมากกว่าสวนผลไม้อื่นๆ นอกจากนี้ ยังมีสวนผลไม้ คือ สวนทุเรียน ลำไย ของ นายทวีศักดิ์ ถาวรยิ่ง อยู่บ้านเลขที่ 72 หมู่ที่ 3 ตำบลโป่งน้ำร้อน อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี ถูกพายุฤดูร้อนพัดพังเสียหายกว่า 70 เปอร์เซ็นต์
ในเบื้องต้น ความเสียหายจากพายุฤดูร้อนทีพัดเข้าสวนผลไม้ทั้ง 5 หมู่บ้าน คิดเป็นมูลค่าหลายล้านบาท เนื่องจากผลผลิตไม่ว่า จะเป็นกล้วยไข่ส่งออกตลาดต่างประเทศ และทุเรียนที่มีอายุ 14-15 ปี และกำลังให้ผลผลิต รวมทั้งสามารถจะเก็บเกี่ยวได้ในอีก 1 สัปดาห์ข้างหน้า เสียหายเกือบทั้งหมด ทั้งนี้ ในเบื้องต้นทางผู้นำท้องถิ่น สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลโป่งน้ำร้อนได้มีการลงพื้นมาสำรวจความเสียหายแล้ว พร้อมทั้งได้มีการรายงานความเสียหายในเบื้องต้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และอำเภอได้รับทราบแล้ว นอกจากนี้ พายุฤดูร้อนยังได้พัดบ้านเรือนของชาวบ้าน และหลังคากระเบื้องวัดปลิวหายไปบางส่วนอีกด้วย
นางรินชพร กล่าวว่า พายุฤดูร้อนลูกนี้ได้พัดเข้ามาในพื้นที่สวนผลไม้ของตนเองประมาณ 40 นาที มีลมแรง และมีฝนประปราย ตอนนั้นตนเองก็คิดอะไรไม่ออก และเตรียมตัวไม่ทัน พอมาดูอีกทีก็เกิดสภาพสวนผลไม้พังเสียหายแล้ว มีทั้งสวนทุเรียน ลำไย มะไฟ และกล้วยไข่ส่งออก ถูกพายุพัดถล่มเสียหายเป็นวงกว้าง คิดเป็นมูลค่าความเสียหายก็ประมาณ 10 ล้านบาท อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล และเข้ามาช่วยเหลือ รวมถึงรัฐบาลด้วย เพราะช่วงนี้ชาวบ้านหมดกำลังใจมาก เนื่องจากสวนผลไม้ได้รับเสียหายหมดแล้ว รวมทั้งภาระหนี้สินก็เยอะ และจะต้องเลี้ยงครอบครัว พายุที่เกิดขึ้นครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในพื้นที่ตำบลโป่งน้ำร้อน และเป็นพายุฤดูร้อนที่รุนแรงมาก ตนเองไม่เคยเห็นพายุรุนแรงเช่นนี้มาก่อน