ศูนย์ข่าวศรีราชา - เจ้าหน้าที่ ฉก.ตชด.12 สนธิกำลังกับด่านศุลกากรอรัญประเทศ จ.สระแก้ว สกัดจับข้าวเปลือกลักลอบนำเข้าจากเขมร หลังสืบทราบว่ามีขบวนการลักลอบนำข้าวเปลือกเข้ามาในพื้นที่รับผิดชอบ
วันนี้ (28 มี.ค.) พ.ต.ท.เพิ่มศักดิ์ ตาตะนันท์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ ตชด.12 เปิดเผยว่า จากการสืบทราบของเจ้าหน้าที่พบว่า มีขบวนการลักลอบนำข้าวเปลือกเข้ามาในพื้นที่รับผิดชอบ จึงได้ประสานไปที่นายอวยชัย กุลทิพย์มนตรี นายด่านศุลกากรอรัญประเทศ จ.สระแก้ว
จากนั้น ได้สั่งให้ พ.ต.ท.สวัสดิ์ บุญมั่น ผู้บังคับกองร้อย ตชด.126 นำตำรวจ ตชด.หน่วยเฉพาะกิจ ตชด.12 โดยร่วมกับเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรอรัญประเทศ ได้ออกลาดตระเวนเพื่อสกัดกั้นการลักลอบนำข้าวเปลือกเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน ตามคำสั่งของกองทัพภาคที่ 1 และกองกำลังบูรพา เพื่อไม่ให้กลุ่มนายทุนนำข้าวเปลือกจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาสวมสิทธิ์ในการจำนำข้าวเปลือก
ในขณะลาดตระเวนมาตามถนนศรีเพ็ญ บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว หมู่ 9 ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ได้ตรวจพบรถบรรทุก 6 ล้อ 2 คัน และรถอีแต๋นอีก 2 คัน บรรทุกข้าวเปลือกจากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อนำเข้ามายังฝั่งประเทศไทย กำลังหน่วยลาดตระเวน จึงนำกำลังเข้าสกัดจับไว้ได้ทั้งหมด จำนวน 4 คัน ประกอบด้วย
1.นายบุญหนา กันดิษฐ์ อายุ 56 ปี ขับรถบรรทุก 6 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ สีน้ำเงิน ทะเบียน 80-7114 สระแก้ว 2.นายชัยรัตน์ กันวิเชิญ อายุ 48 ปี ขับรถ 6 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ สีน้ำเงิน ทะเบียน 80-5580 สระแก้ว 3.นายสุขสันต์ ดีบ้านพร้าว อายุ 50 ปี ขับรถอีแต๋น และ 4.นายไพบูรณ์ รัตนวรรณ์ อายุ 53 ปี ขับรถอีแต๋น ทั้งหมดเป็นราษฎรอยู่ที่บ้านโคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว
จึงควบคุมตัวทั้ง 4 คน พร้อมรถที่บรรทุกข้าวเปลือกมายังหน่วยเฉพาะกิจ ตชด.ที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น เพื่อทำการสอบสวน ซึ่งทั้ง 4 คนยอมรับสารภาพว่า ได้รับจ้างนายทุนรายหนึ่งในอำเภอโคกสูง เข้าไปบรรทุกข้าวเปลือกในฝั่งเขมร ซึ่งนายทุนรายนี้ได้รับซื้อไว้ ซึ่งมีจำนวนมากเพื่อนำเข้ามาส่งที่โรงสีในพื้นที อ.โคกสูง จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ตชด.และเจ้าหน้าที่ศุลกากรอรัญประเทศ ปรากฏว่า เป็นข้าวหอมมะลิจากฝั่งเขมร มีน้ำหนักประมาณ 30 ตัน หรือ 30,000 กิโลกรัม
พ.ต.ท.เพิ่มศักดิ์ ตาตะนันท์ รอง ผบ.ฉก.ตชด.12 กกล.บูรพา กล่าวว่า เกี่ยวกับการดำเนินการสกัดจับไม่ให้มีการลักลอบนำข้าวเปลือกจากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อนำเข้ามาสวมสิทธิ์จำนำในครั้งนี้ ทางกองทัพภาคที่ 1 และกองกำลังบูรพาได้สั่งตรวจเข้มตามแนวชายแดน ซึ่งในเรื่องนี้โดยสั่งห้ามอย่างเด็ดขาด
ซึ่งทางหน่วย ฉก.ตชด.12 ได้เข้าพบปะชาวบ้านที่อยู่ตามแนวชายแดน และขอร้องให้ชาวบ้านให้ใช้วิถีชีวิตของชาวบ้านเพื่อการดำรงชีพเท่านั้น ไม่ให้มีการรับจ้างนายทุนขนข้าวเปลือกเข้ามาเพื่อการค้า ซึ่งเมื่อนายทุนได้รับข้าวเปลือกที่ชาวบ้านขนเข้ามาแล้ว ก็จะนำไปแปรธาตุเป็นข้าวเปลือกของไทย แล้วนำไปสวมสิทธิ์จำนำต่อไป ทำให้เสียหายต่อชาติบ้านเมือง ซึ่งเงินที่รับจำนำล้วนเป็นเงินจากภาษีของชาวบ้านนั่นเอง
วันนี้ (28 มี.ค.) พ.ต.ท.เพิ่มศักดิ์ ตาตะนันท์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ ตชด.12 เปิดเผยว่า จากการสืบทราบของเจ้าหน้าที่พบว่า มีขบวนการลักลอบนำข้าวเปลือกเข้ามาในพื้นที่รับผิดชอบ จึงได้ประสานไปที่นายอวยชัย กุลทิพย์มนตรี นายด่านศุลกากรอรัญประเทศ จ.สระแก้ว
จากนั้น ได้สั่งให้ พ.ต.ท.สวัสดิ์ บุญมั่น ผู้บังคับกองร้อย ตชด.126 นำตำรวจ ตชด.หน่วยเฉพาะกิจ ตชด.12 โดยร่วมกับเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรอรัญประเทศ ได้ออกลาดตระเวนเพื่อสกัดกั้นการลักลอบนำข้าวเปลือกเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน ตามคำสั่งของกองทัพภาคที่ 1 และกองกำลังบูรพา เพื่อไม่ให้กลุ่มนายทุนนำข้าวเปลือกจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาสวมสิทธิ์ในการจำนำข้าวเปลือก
ในขณะลาดตระเวนมาตามถนนศรีเพ็ญ บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว หมู่ 9 ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ได้ตรวจพบรถบรรทุก 6 ล้อ 2 คัน และรถอีแต๋นอีก 2 คัน บรรทุกข้าวเปลือกจากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อนำเข้ามายังฝั่งประเทศไทย กำลังหน่วยลาดตระเวน จึงนำกำลังเข้าสกัดจับไว้ได้ทั้งหมด จำนวน 4 คัน ประกอบด้วย
1.นายบุญหนา กันดิษฐ์ อายุ 56 ปี ขับรถบรรทุก 6 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ สีน้ำเงิน ทะเบียน 80-7114 สระแก้ว 2.นายชัยรัตน์ กันวิเชิญ อายุ 48 ปี ขับรถ 6 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ สีน้ำเงิน ทะเบียน 80-5580 สระแก้ว 3.นายสุขสันต์ ดีบ้านพร้าว อายุ 50 ปี ขับรถอีแต๋น และ 4.นายไพบูรณ์ รัตนวรรณ์ อายุ 53 ปี ขับรถอีแต๋น ทั้งหมดเป็นราษฎรอยู่ที่บ้านโคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว
จึงควบคุมตัวทั้ง 4 คน พร้อมรถที่บรรทุกข้าวเปลือกมายังหน่วยเฉพาะกิจ ตชด.ที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น เพื่อทำการสอบสวน ซึ่งทั้ง 4 คนยอมรับสารภาพว่า ได้รับจ้างนายทุนรายหนึ่งในอำเภอโคกสูง เข้าไปบรรทุกข้าวเปลือกในฝั่งเขมร ซึ่งนายทุนรายนี้ได้รับซื้อไว้ ซึ่งมีจำนวนมากเพื่อนำเข้ามาส่งที่โรงสีในพื้นที อ.โคกสูง จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ตชด.และเจ้าหน้าที่ศุลกากรอรัญประเทศ ปรากฏว่า เป็นข้าวหอมมะลิจากฝั่งเขมร มีน้ำหนักประมาณ 30 ตัน หรือ 30,000 กิโลกรัม
พ.ต.ท.เพิ่มศักดิ์ ตาตะนันท์ รอง ผบ.ฉก.ตชด.12 กกล.บูรพา กล่าวว่า เกี่ยวกับการดำเนินการสกัดจับไม่ให้มีการลักลอบนำข้าวเปลือกจากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อนำเข้ามาสวมสิทธิ์จำนำในครั้งนี้ ทางกองทัพภาคที่ 1 และกองกำลังบูรพาได้สั่งตรวจเข้มตามแนวชายแดน ซึ่งในเรื่องนี้โดยสั่งห้ามอย่างเด็ดขาด
ซึ่งทางหน่วย ฉก.ตชด.12 ได้เข้าพบปะชาวบ้านที่อยู่ตามแนวชายแดน และขอร้องให้ชาวบ้านให้ใช้วิถีชีวิตของชาวบ้านเพื่อการดำรงชีพเท่านั้น ไม่ให้มีการรับจ้างนายทุนขนข้าวเปลือกเข้ามาเพื่อการค้า ซึ่งเมื่อนายทุนได้รับข้าวเปลือกที่ชาวบ้านขนเข้ามาแล้ว ก็จะนำไปแปรธาตุเป็นข้าวเปลือกของไทย แล้วนำไปสวมสิทธิ์จำนำต่อไป ทำให้เสียหายต่อชาติบ้านเมือง ซึ่งเงินที่รับจำนำล้วนเป็นเงินจากภาษีของชาวบ้านนั่นเอง