xs
xsm
sm
md
lg

จับแก๊งอ้างเบื้องสูงปลอมเป็น จนท.กรมศิลป์ - ข่มขู่ขอขุดวัตถุโบราณใน ร.ร.บุรีรัมย์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตำรวจร่วมฝ่ายปกครอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ รวบ 2 ใน 8 ผู้ต้องหา แอบอ้างเบื้องสูงปลอมตัวเป็นจนท.กรมศิลปากรและปลอมแปลงเอกสาร ข่มขู่ขอเข้าขุดค้นวัตถุโบราณของมีค่าในสนามโรงเรียนชุมชนบ้านกระเดื่อง วันนี้ ( 27 มี.ค.)
บุรีรัมย์ - ตำรวจ ร่วมฝ่ายปกครอง อ.นางรอง บุรีรัมย์ รวบ 2 ใน 8 ผู้ต้องหาแอบอ้างเบื้องสูงปลอมตัวเป็น จนท.กรมศิลปากร และปลอมแปลงเอกสาร เข้าไปข่มขู่ครู-ผอ.โรงเรียน-ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้าน ขอเข้าขุดค้นวัตถุโบราณของมีค่าในสนามโรงเรียน แต่ชาวบ้านไม่ปักใจเชื่อ แจ้งอำเภอ และ ตร.รวบดำเนินคดี สารภาพเป็นแก๊งของนายทุนค้าของเก่าในโคราช หนีไปได้ 6 ราย

วันนี้ (27 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. พ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ สุขอิ่ม ผกก.สภ.นางรอง พร้อมด้วย พ.ต.ท.สิทธิ์ หวังสุขกลาง สารวัตรเวร สภ.นางรอง ร่วมกันสอบปากคำ นายพันธมิตร สินสุพรรณ์ อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 หมู่ 1 ต.โคกสูง อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ และ นายพรชัย แก้วมาศ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 52 หมู่ 6 ต.ผือฮี อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร สองผู้ต้องหา

หลังได้ร่วมกับพวกที่หลบหนีไป 6 คน รวม 8 คน แต่งกายด้วยชุดฟอร์ม มีเสื้อคลุมแขนยาว สีดำ ด้านหลังปักตัวอักษรภาษาไทย สีเหลือง ข้อความว่า “โครงการวิจัยแหล่งโบราณคดี ในเขตภาคอีสานตอนล่าง” ด้านหน้าอกขวาปักรูปรอยลักษณะเหมือนตราสัญลักษณ์ของกรมศิลปากร เข้าไปในบริเวณโรงเรียนชุมชนบ้านกระเดื่อง ต.ถนนหัก อ.นางรอง พร้อมทั้งได้ยื่นเอกสารให้กับ นายอภิชาต ทิชาชาติ ครูโรงเรียนชุมชนบ้านกระเดื่อง เป็นสำเนาหนังสือบันทึกข้อความ ตราครุฑ ระบุส่วนราชการ กรมศิลปากร เลขที่ พศ 00137/2555 ลงวันที่ 24 มีนาคม 2555 ลงนาม ดร.สมเกียรติ วิริยะชัย ผู้ตรวจสอบสำนักงานศิลปากรที่ 12

ทั้งนี้ ในเอกสารระบุว่า เรื่อง ขอตรวจสอบพื้นที่โรงเรียนบ้านกระเดื่อง เรียน ท่านผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านกระเดื่อง เนื่องด้วยกรมศิลปากร มีโครงการวิจัยแหล่งโบราณคดีในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โรงเรียนบ้านกระเดื่องได้อยู่ในเขตพื้นที่ที่ต้องสำรวจในปี พ.ศ.2555 ตามพระราชบัญญัติโบราณวัตถุ โบราณสถาน ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2505 โรงเรียนบ้านกระเดื่อง จึงตกการสำรวจในปีที่ผ่านมา คณะกรรมการจึงมีมติให้สำรวจเพิ่มเติมในปี พ.ศ.2555 ในช่วงเดือนมีนาคม เป็นต้นไป

ดังนั้น กรมศิลปากรจึงส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อทำการสำรวจเพิ่มเติมอีกครั้ง กรมศิลปากรจึงขอความสะดวกในการสำรวจครั้งนี้ด้วย พร้อมทั้งระบุรายชื่อเจ้าหน้าที่ประจำและชั่วคราว ดังนี้ คือ ว่าที่ ร.ท.วีรยุทธ์ โพธิจันทร์ เจ้าหน้าที่ประจำชุด/หัวหน้าชุดตรวจ, นายประจักษ์ มิตรสันเทียน เจ้าหน้าที่ธรณี, นายสมพรพงษ์ อมรรัตนะ เจ้าหน้าที่ตรวจการประจำ และ นายกรณ์ จิตรไธสง เจ้าหน้าที่ประเมิน

โดยอ้างว่า ได้รับคำสั่งจากเบื้องสูง ให้มาสำรวจและขุดค้นโบราณวัตถุ หากผู้ใดขัดขวางไม่ยินยอมจะถูกลงโทษ โดยเบื้องต้นผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และปลัดอำเภอนางรองจะถูกสั่งย้ายทันที นายอภิชาต จึงประสานแจ้งให้ นางอัจฉรา หลั่งแร่ ผู้อำนวยการโรงเรียน พร้อมทั้งผู้ใหญ่บ้านและผู้นำชุมชนทราบ

ต่อมาภายหลังได้ประสานฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ออกตรวจสอบกลุ่มบุคคลดังกล่าว อ้างว่า เป็นเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร จำนวน 8 คน พร้อมยานพาหนะและอุปกรณ์การขุดค้น เนื่องจากกลุ่มครูและผู้นำท้องถิ่นได้คัดค้าน และไม่ยินยอมให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวทำการขุดค้นโบราณวัตถุในบริเวณโรงเรียนชุมชนบ้านกระเดื่อง และได้เชิญออกนอกบริเวณโรงเรียนแล้วแต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวไม่ยอมออก จึงขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นางรอง และฝ่ายปกครองอำเภอนางรองเข้าทำการตรวจสอบ

เมื่อเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุ กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้พากันขับรถยนต์หลบหนีไป 6 คน เหลือเพียงผู้ต้องหาทั้งสองคนที่ถูกจับกุม เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองและตำรวจได้ขอตรวจสอบเอกสารและสอบถามชื่อ ที่อยู่ พร้อมขอตรวจบัตรประชาชน

โดย นายพันธมิตร แจ้งว่า ชื่อ ส.ต.ประจักษ์ มิตรสันเทียน อ้างว่า เป็นทหารสังกัดศูนย์สงครามพิเศษ จ.ลพบุรี จบจากโรงเรียนนายสิบปราณบุรี รุ่นที่ 11 เป็นทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ได้รับคำสั่งให้มาปฏิบัติภารกิจนี้ พร้อมทั้งแสดงบัตรประจำตัว เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกรมศิลปากร ระบุชื่อ นายประจักษ์ มิตรสันเทียน แผนกสำรวจพื้นที่มีรูปถ่ายเห็นใบหน้าชัดเจน

ตรวจสอบบัตร นายพรชัย แก้วมาศ แจ้งว่า เป็นชื่อนามสกุลจริง พร้อมแสดงบัตรสังกัดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกรมศิลปากร ระบุชื่อ นายพรชัย แก้วมาศ แผนกสำรวจพื้นที่มีรูปถ่ายเห็นใบหน้าชัดเจน โดยกลุ่มดังกล่าวอ้างเอกสาร แสดงและขอขุดค้นหาโบราณวัตถุภายในบริเวณโรงเรียน โดยอ้างเบื้องสูงว่า เป็นผู้สั่งการ และหากผู้ใดขัดขวางจะถูกลงโทษ โดยขณะนี้ท่านอธิบดี และรองอธิบดีกรมศิลปากร กำลังคุยกับผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ อยู่ที่จวนผู้ว่าฯ

จากนั้นทางตำรวจและเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองได้ตรวจสอบไปยังกรมศิลปากรที่รับผิดชอบเขตพื้นที่ และประจำอยู่ที่วนอุทยานประวัติศาสตร์เขาพนมรุ้ง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร ว่า ทางกรมศิลปากรไม่เคยได้รับเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด และหากจะมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยอื่นเข้ามาดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับโบราณวัตถุ และโบราณสถาน ในท้องที่ จ.บุรีรัมย์ ทางวนอุทยานประวัติศาสตร์เขาพนมรุ้งจะต้องได้รับแจ้งเป็นหนังสือ หรือได้รับการประสานก่อนและตามหนังสือที่ลงนามชื่อ ดร.สมเกียรติ วิริยะชัย ผู้ตรวจสอบสำนักงานศิลปากรที่ 12 นั้น ไม่เคยได้ยินชื่อและไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด

ทางกลุ่มครู, ผู้อำนวยการโรงเรียน พร้อมผู้นำชุมชน แจ้งว่า ได้รับความเสียหายจากกระทำของบุคคลกลุ่มนี้ โดยก่อนหน้านี้ มีผู้ลักลอบเข้ามาขุดค้นหาโบราณวัตถุภายในโรงเรียนนี้แล้ว แต่ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดและลักลอบมาช่วงเวลาใด จึงแจ้งให้จับกุมดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งสองคนกับพวกที่หลบหนีตามกฎหมายต่อไป

ต่อมาตำรวจและเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองได้ตรวจสอบเอกสารเบื้องต้น และตรวจสอบไปยังถิ่นที่อยู่ของผู้ต้องหาทั้งสองคนแล้ว ทราบว่า นายพรชัย แก้วมาศ มีอาชีพเป็นเซียนพระ อยู่ จ.ยโสธร ไม่ได้มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง และไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร

ส่วน นายประจักษ์ มิตรสันเทียน พบว่า แท้จริงชื่อ นายพันธมิตร สินสุพรรณ์ เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 สถาบันอุดมศึกษาแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา ซึ่งมิได้เป็นทหาร ชื่อ ส.ต.ประจักษ์ มิตรสันเทียน แต่อย่างใดและไม่ได้เป็นทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ตามที่กล่าวอ้าง

ส่วนตามเอกสารหนังสือบันทึกข้อความ ตราครุฑ ระบุส่วนราชการ กรมศิลปากร เลขที่ พศ 00137/2555 ลงวันที่ 24 มีนาคม 2555 ลงนาม ดร.สมเกียรติ วิริยะชัย ผู้ตรวจสอบสำนักงานศิลปากรที่ 12 พร้อมระบุรายชื่อเจ้าหน้าที่ประจำและชั่วคราว คือ ว่าที่ ร.ท.วีรยุทธ์ โพธิจันทร์ เจ้าหน้าที่ประจำชุด/หัวหน้าชุดตรวจ, นายประจักษ์ มิตรสันเทียน เจ้าหน้าที่ธรณี, นายสมพรพงษ์ อมรรัตนะ เจ้าหน้าที่ตรวจการประจำ และ นายกรณ์ จิตรไธสง เจ้าหน้าที่ประเมินการ ตรวจสอบรายชื่อบุคคลทั้ง 4 และผู้ตรวจสอบสำนักงานศิลปากรที่ 12 ตามที่กล่าวอ้างแล้วไม่ปรากฏข้อบุคคลในทะเบียนราษฎร ส่วนอีก 6 คน ได้หลบหนี ขณะที่ตำรวจและเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองเข้าตรวจสอบ

ผู้ต้องหาทั้งสองคน รับสารภาพว่า มีนายทุนค้าของเก่า ไม่ทราบชื่อ อยู่ จ.นครราชสีมา เป็นผู้ดำเนินการให้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเอกสารหนังสือ บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ และเสื้อของกรมศิลปากร พวกตนเป็นเพียงผู้รับจ้าง ให้มาเป็นผู้ตรวจสอบดูเนื้อโบราณวัตถุว่าเป็นของจริงหรือไม่และอยู่ในสมัยใด

พร้อมยืนยันไม่ได้มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับกลุ่มขบวนการขุดค้นหาโบราณวัตถุดังกล่าว แต่ยอมรับที่ผ่านมาเคยไปตรวจสอบมาแล้วหลายจังหวัดทั้งที่ จ.ศรีสะเกษ, อุบลราชธานี และ จ.สุรินทร์ ก่อนจะมาถูกจับกุมที่ จ.บุรีรัมย์

เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยืนยันว่า พฤติการณ์ดังกล่าว มีเหตุน่าเชื่อว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าวนี้ได้ร่วมกันกระทำความผิด โดยประสงค์ที่จะเข้าไปขุดค้นหาโบราณวัตถุและสิ่งของมีค่าภายในบริเวณโรงเรียนชุมชนบ้านกระเดื่องโดยแสดงข้อความอันเป็นเท็จ จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี

พร้อมของกลาง รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีบรอนซ์เงิน เลขทะเบียน ฌท 7173 กรุงเทพมหานคร, บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กรมศิลปากร ระบุชื่อ นายประจักษ์ มิตรสันเทียน, บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กรมศิลปากร ระบุชื่อ นายพรชัย แก้วมาศ, สำเนาหนังสือบันทึกข้อความตราครุฑ ระบุส่วนราชการ กรมศิลปากร เลขที่ พศ 00137/2555 ลงวันที่ 24 มีนาคม 2555 ลงนาม ดร.สมเกียรติ วิริยะชัย ผู้ตรวจสอบสำนักงานศิลปากรที่ 12 จำนวน 1 แผ่น, เสื้อคลุมแขนยาว สีดำ ด้านหลังปักตัวอักษรภาษาไทย สีเหลือง ข้อความว่า โครงการวิจัยแหล่งโบราณคดี ในเขตภาคอีสานตอนล่างด้านหน้าอกขวาปักรูปรอยลักษณะเหมือนตราสัญลักษณ์ของกรมศิลปากร จำนวน 2 ตัวและเสื้อยืดโปโล สีดำ คอปก ด้านหลังปักตัวอักษรภาษาไทย สีเหลือง ข้อความว่า โครงการวิจัยแหล่งโบราณคดี ในเขตภาคอีสานตอนล่างด้านหน้าอกขวาปักรูปรอยลักษณะเหมือนตราสัญลักษณ์ของกรมศิลปากร จำนวน 2 ตัว

โดยตั้งข้อหา ร่วมกับพวกที่หลบหนี ปลอมและใช้เอกสารที่มีเครื่องหมายทางราชการปลอม, แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจหน้าที่กระทำการนั้น และบุกรุกสถานที่ราชการในเวลากลางคืนโดยร่วมกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป
กำลังโหลดความคิดเห็น