กาญจนบุรี - ผวจ.กาญจนบุรี นำทีมลงตรวจสอบพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช หลังคนงานใช้รถแบ็กโฮขุดหน้าดินเตรียมปูตัวหนอน พบหม้อไห คาดอายุกว่า 400 ปี ลึกจากดิน 50 ซม.คาด ยังมีอีกมาก สั่งปิดสถานที่ให้กรมศิลปากรตรวจสอบภายใน 1 สัปดาห์ ชี้ เป็นเส้นทางเดินทัพถือเป็นสมบัติของแผ่นดิน
เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (4 ม.ค.) นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ผวจ.กาญจนบุรี พร้อมด้วย ว่าที่ ร.ต.เชิดศักดิ์ จำปาเทศ รอง ผวจ.กาญจนบุรี เดินทางไปยังพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช พื้นที่หมู่ 2 ต.ดอนเจดีย์ อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี หลังได้รับรายงานว่า มีการขุดค้นพบเครื่องปั้นดินเผาโบราณ
เมื่อเดินทางไปถึงพบว่าสถานที่ดังกล่าวอยู่บริเวณหลังที่ตั้งของพระบรมราชานุสาวรีย์ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งมีการปรับแต่งหน้าดินเพื่อเตรียมวางตัวหนอน โดยมี นายอนุศักดิ์ กิ่งมณี นักโบราณคดีชำนาญการพิเศษ สำนักศิลปากรที่ 2 จ.สุพรรณบุรี พ.ต.อ.ทองดำ เสนาะพิณ ผกก.สภ.พนมทวน และ นายสุรพงษ์ กาญจนกังวาฬกุล นายก อบต.ดอนเจดีย์ นายสุรวุฒิ มาลาพงษ์ รองนายก อบต.ดอนเจดีย์ พร้อมคณะรออยู่ก่อนแล้ว
จากนั้น คณะของ ผวจ.กาญจนบุรี ได้ทำการตรวจสอบ พบว่า หน้าดินมีภาชนะโบราณจำพวกหม้อไหพ้นจากผิวดินออกมา จึงหยิบเศษภาชนะที่แตกขึ้นดู โดยใช้เวลาในการตรวจสอบราว 30 นาที ซึ่งจุดที่พบเครื่องปั้นดินเผาอยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเจดีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ห่างกันประมาณ 50 เมตร
สำหรับเครื่องปั้นดินเผาดังกล่าวอยู่ในสภาพตั้งเรียงติดกันทั้งหมด 4 อัน ถูกฝังอยู่ใต้ผิวดินลงไปประมาณ 50 เซนติเมตร ทั้งหมดอยู่ในสภาพที่แตกเสียหายบางส่วน เมื่อชาวบ้านนำมาประกอบกัน จะมีลักษณะคล้ายกับไห หรือหม้อดินที่มีปากขนาดเล็ก ภายในกว้างประมาณ 15 เซนติเมตร เส้นรอบวงกลมประมาณ 30 เซนติเมตร หนา 1 เซนติเมตร ภายนอกเป็นสีเทา เนื้อภายในออกสีน้ำตาล
จากการสอบถาม นายอนันต์ แสนอุบล อายุ 33 ปี คนงานซึ่งมีหน้าที่ขับรถแบ็กโฮขุดหน้าดินบริเวณดังกล่าว เปิดเผยว่า ตนได้รับคำสั่งให้ขับรถแบ็กโฮขุดหน้าดิน เพื่อเตรียมวางตัวหนอน ขณะกำลังใช้แบ็กโฮขุดหน้าดินอยู่นั้น สังเกตพบว่า ได้ขุดเจอภาชนะบางอย่าง จึงตัดสินใจหยุดขุด พร้อมรายงานให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ จนกระทั่ง ผวจ.กาญจนบุรี นำคณะมาตรวจสอบดังกล่าว
ด้าน นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ผวจ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ทางเดินทัพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ทางจังหวัดกาญจนบุรี ได้ก่อสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ขึ้นมา เพื่อให้ประชาชนทั่วไปและนักท่องเที่ยวมากราบไหว้สักการะ ซึ่งที่ผ่านมา ข้าราชการทุกระดับชั้น และผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองเดินทางมายัง จ.กาญจนบุรี ก็จะแวะมากราบไหว้สักการะเพื่อเป็นสิริมงคล ซึ่งบริเวณนี้ทางจังหวัดกาญจนบุรี ได้งบประมาณของ อบจ.กาญจนบุรี จำนวน 12 ล้าน 9 แสน 9 หมื่นบาท เพื่อปรับหน้าดินและปูตัวหนอน โดยมีการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2554 ถึง วันที่ 20 พฤษภาคม 2555 ซึ่งคนขับได้นำรถแบ็กโฮมาขุดหน้าดินในระดับความลึก 50-60 ซม.พบภาชนะจำพวกหม้อไหอยู่ภายในดิน
เมื่อตนได้รับรายงาน จึงสั่งให้มีการยุติการก่อสร้างบริเวณดังกล่าวชั่วคราว พร้อมประสานกับสำนักศิลปากรที่ 2 จ.สุพรรณบุรี ซึ่งดูแลพื้นที่ จ.กาญจนบุรี เข้ามาตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่าเป็นหม้อไหและภาชนะอยู่ระหว่างปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา ถึงต้นสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ มีอายุประมาณ 400 กว่าปี ซึ่งเบื้องต้นเชื่อว่า เมื่อขุดลึกลงไปจะพบกับภาชนะ หรือสิ่งของสำคัญของประวัติศาสตร์ไทยเพิ่มอีก
ผวจ.กาญจนบุรี กล่าวต่อว่า ตนจึงสั่งการให้มีการกันบริเวณดังกล่าวเอาไว้ โดยให้ อบต.ดอนเจดีย์ และ สภ.พนมทวน จัดกำลังมาดูแลความเรียบร้อยไม่ให้ชาวบ้านที่ไม่เกี่ยวข้องมาขุดหาของมีค่าเป็นอันขาด เพราะถือว่าสิ่งของที่พบทั้งหมดเป็นสมบัติของชาติ
โดยกรมศิลปากรจะเข้ามาดำเนินการสำรวจภายใน 1 สัปดาห์นี้ หากพบสิ่งของใดจะเก็บรักษาไว้ อนาคตอาจจะทำพิพิธภัณฑ์เพื่อให้คนรุ่นหลังได้มาชม และศึกษาประวัติศาสตร์ของไทยในอนาคตต่อไป และขอให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องห้ามเข้ามาขุดหาของบริเวณดังกล่าวเป็นอันขาด เพราะถือเป็นความผิดกฎหมายอาญา