ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - “กรีนบัส” วอนภาครัฐเร่งสร้างความชัดเจนเรื่องปรับขึ้นราคาค่าโดยสาร เผยต้องแบกรับภาวะขาดทุนหลังราคาน้ำมันพุ่งทำทุนหายกำไรหด แถม เม.ย.ค่าแรงเพิ่มจ่อซ้ำอีกเรื่อง ระบุปรับลดเที่ยวรถ-งดรับพนักงานเพิ่มแล้ว ระยะยาวหากไม่ได้ปรับขึ้นราคาอาจต้องยกเลิกเที่ยวรถบางเส้นทาง หวั่นช่วงสงกรานต์รถขาดเหตุรถร่วมพาเหรดขึ้นราคา-บริษัทอาจสู้ไม่ไหว
นายสมชาย ทองคำคูณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชัยพัฒนาขนส่งเชียงใหม่ จำกัด เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีที่ผู้ประกอบการรถโดยสารเรียกร้องให้รัฐบาลปรับเพิ่มราคาค่าโดยสาร หลังจากที่ราคาน้ำมันดีเซลได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และส่งผลกระทบอย่างหนักต่อผู้ประกอบการธุรกิจรถโดยสารว่า ขณะนี้รัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคมได้สั่งการให้กรมการขนส่งทางบกรวบรวมข้อมูลต่างๆ จากผู้ประกอบการ เพื่อนำเข้าพิจารณาในการประชุมคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง วันที่ 25 เม.ย.ที่จะถึงนี้
นายสมชาย ระบุว่า ขณะนี้กลุ่มผู้ประกอบการรถโดยสารต้องการความชัดเจนว่ารัฐบาลจะตัดสินใจหรือมีมาตรการอย่างไรในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากจนถึงขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะยินยอมให้มีการปรับขึ้นราคาตามที่กลุ่มผู้ประกอบการร้องขอหรือไม่ หรือหากไม่ยินยอมให้มีการปรับขึ้นราคา รัฐจะมีมาตรการใดที่จะเข้ามาช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการบ้าง ซึ่งทำให้การวางแผนการทำงาน หรือการกำหนดทิศทางของผู้ประกอบการไม่มีความชัดเจนตามไปด้วย
ทั้งนี้ สิ่งที่ผู้ประกอบการร้องขอมาโดยตลอด คือการกำหนดระบบราคาค่าโดยสารมาตรฐานที่มีการปรับเปลี่ยนตามราคาพลังงานอย่างเหมาะสมและเป็นธรรมทั้งต่อผู้ประกอบการและประชาชนผู้ใช้บริการ อย่างไรก็ตาม หากรัฐยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวกลุ่มผู้ประกอบการก็จำเป็นจะต้องหามาตรการอื่นๆ ที่จำเป็นมาใช้ในการบริหารธุรกิจให้สมารถดำเนินอยู่ต่อไปได้
สำหรับการดำเนินงานของบริษัท ชัยพัฒนาขนส่งเชียงใหม่ จำกัด หรือ กรีนบัสนั้น นายสมชาย ระบุว่า ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทที่ใช้น้ำมันดีเซลเดือนละประมาณ 4 แสนลิตร โดยราคาน้ำมันดีเซลในปัจจุบันปรับเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ลิตรละประมาณ 32 บาท แต่ราคาน้ำมันที่ทางกรมการขนส่งทางบกบังคับให้ผู้ประกอบการใช้ในการกำหนดค่า โดยสารยังคงอยู่ที่ราคาลิตรละประมาณ 24 บาท ทำให้บริษัทต้องแบกรับภาระส่วนต่างของราคาน้ำมันลิตรละประมาณ 8 บาท คิดเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นถึงประมาณ 3 ล้านบาทต่อเดือน เฉพาะน้ำมันดีเซลที่ทางบริษัทฯ ต้องแบกรับเดือนละกว่า 3 ล้านบาท หรือร้อยละ 7
ขณะเดียวกันบริษัทยังมีภาระในส่วนของค่าอะไหล่ ซึ่งมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นแล้วตั้งแต่ต้นปี คิดเป็นร้อยละ 3 และในเดือน เม.ย.นี้ บริษัทยังต้องทำการปรับเพิ่มค่าแรงของพนักงานเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายการขึ้นค่าจ้างแรงงานของรัฐบาล ซ่างเมื่อร่วมต้นทุนในส่วนนี้ที่เพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 4 แล้ว ทำให้กรีนบัสมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทั้งจากค่าน้ำมัน ค่าอะไหล่ และค่าแรงถึงประมาณร้อยละ 15 และส่งผลให้กรีนบัสรับภาระขาดทุนอยู่ในขณะนี้
นายสมชาย กล่าวต่อว่า กรีนบัสได้กำหนดมาตรการในเบื้องต้น เพื่อบรรเทาผลกระทบจากปัญหาดังกล่าว โดยได้ปรับลดเที่ยวรถบางส่วนในวันที่มีผู้โดยสารไม่มากลง คิดเป็นค่าเฉลี่ยประมาณร้อยละ 30 ของจำนวนเที่ยวรถทั้งหมดที่ออกให้บริการ ขณะที่ในส่วนของพนักงานนั้นได้ชะลอการรับพนักงานใหม่เข้าทำงานไปก่อน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่บริษัทเป็นห่วงก็คือ บริษัทมีทุนสำรองที่เตรียมไว้เพื่อรองรับในกรณีที่ราคาน้ำมันมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งสามารถใช้ได้ประมาณ 1 เดือน แต่ในเดือน เม.ย.นั้นนอกจากต้นทุนจากค่าน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นแล้ว ยังมีค่าจ้างแรงงานที่เพิ่มขึ้น แต่บริษัทไม่ได้นำค่าใช้จ่ายในส่วนนี้มารวมอยู่ด้วย
ดังนั้น หากไม่มีการปรับขึ้นราคา ทุนสำรองที่เตรียมไว้สำหรับจัดซื้อน้ำมันอาจใช้ได้ไม่ถึง 1 เดือนตามแผน และจะส่งผลให้กรีนบัสต้องลดจำนวนเที่ยวรถที่ออกให้บริการลง ส่วนในระยะยาวหากไม่มีมาตรการที่ชัดเจนจากภาครัฐ จะทำให้แผนการลงทุนในการปรับปรุงรถโดยสารและการให้บริการ หรือการลงทุนในเส้นทางใหม่ๆ ต้องชะลอออกไป
นอกจากนี้ นายสมชาย ยังระบุว่า อีกกรณีหนึ่งที่น่าเป็นห่วงเช่นกันในช่วงนี้ก็คือ การที่ผู้ประกอบการรถโดยสารจำเป็นจะต้องจัดเตรียมรถเสริม เพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารที่จะเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง แต่ขณะนี้ผู้ให้บริการรถโดยสารท่องเที่ยวได้ปรับเพิ่มราคาค่าเช่าขึ้นหมด โดยค่าเช่าปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 500-2,000 บาท ทำให้กรีนบัสกังวลว่าอาจไม่สามารถจัดหารถโดยสารมาเป็นรถเสริมในช่วงสงกรานต์ได้ เนื่องจากไม่คุ้มค่ากับการลงทุน โดยในขณะนี้กำลังหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวอยู่
กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชัยพัฒนาขนส่งเชียงใหม่ จำกัด กล่าวด้วยว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันและความไม่แน่นอนในเรื่องของการปรับขึ้นราคาค่าโดยสาร ทำให้บริษัทต้องปรับเปลี่ยนเป้าหมายรายได้ จากเดิมที่คาดไว้ว่าในปี 2555 นี้จะมีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 แต่ในขณะนี้ได้เปลี่ยนเป็นการวิเคราะห์และคาดการณ์แบบเดือนต่อเดือนแทน
ส่วนกรณีที่กรีนบัสไม่หันไปใช้ก๊าซเอ็นจีวีเป็นเชื้อเพลิงแทนน้ำมันดีเซลนั้น เป็นเพราะสภาพพื้นที่ในภาคเหนือไม่เออำนวยต่อการใช้ก๊าซเอ็นจีวีเป็นเชื้อเพลิง กล่าวคือภูมิประเทศที่เป็นที่สูงและภูเขานั้นทำให้เครื่องยนต์ที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวีสึกหรอ และเสี่ยงต่อความเสียหายมากกว่า ซึ่งเมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบต่าง ๆ แล้ว พบว่าแม้ต้นทุนในส่วนของเชื้อเพลิจะลดลง แต่ต้นทุนในส่วนของค่าบำรุงรักษาและอะไหล่กลับเพิ่มสูงขึ้นแทน นอกจากนี้การใช้ก๊าซเอ็นจีวียังประสบปัญหาขาดแคลนสถานีให้บริการ และปัญหาการสิ้นเปลืองเวลาในการเติมก๊าซอีกด้วย