ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - “กรีนบัส” เปิดจุดขายตั๋วใหม่ที่เชียงใหม่ หลังเดินหน้าโครงการปรับปรุงจุดขายตั๋ว ตั้งเป้าพัฒนาให้ทันสมัย-เล็งปรับทุกพื้นที่ ด้านผลดำเนินการปีนี้แม้ติดลบแต่ระยะยาวเชื่อได้กำไรคืนเหตุลงทุนซื้อรถใหม่ เผยเสริมรถตู้ให้บริการเส้นทางระยะสั้น พร้อมหารือผู้ประกอบการเพื่อนบ้านเชื่อมโยงเส้นทาง-ส่งต่อผู้โดยสารรับเปิดเสรีอาเซียน 2558 ชี้ คุ้มกว่าลงทุนเองทำแค่ปรับระบบจำหน่ายตั๋วให้ตรงกันเท่านั้น แย้มสายเชียงใหม่-หลวงพระบาง เปิดแน่ปลายปี 55
วันนี้ (23 พ.ย.) ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงใหม่ แห่งที่ 3 บริษัท ชัยพัฒนาขนส่ง เชียงใหม่ จำกัด ได้ทำพิธีเปิดจุดจำหน่ายบัตรโดยสารใหม่ Green Bus Station New Look ขึ้น โดยมี นางสาวกัลยาณี ทองคำคูณ ผู้จัดการธุรกิจรถโดยสาร บริษัท ชัยพัฒนาขนส่ง เชียงใหม่ จำกัด เป็นประธานในพิธี โดยมี นายชาญชัย กีฬาแปง ผู้อำนวยการสำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ร่วมเป็นเกียรติในพิธี
การเปิดจุดจำหน่ายบัตรโดยสารของบริษัท ชัยพัฒนาขนส่ง เชียงใหม่ จำกัด หรือ Green Bus ภายในสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงใหม่ แห่งที่ 3 ในครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดจุดจำหน่ายบัตรโดยสารในรูปลักษณ์ใหม่ ตามนโยบายของบริษัทที่ต้องการปรับปรุงจุดจำหน่ายบัตรโดยสาร Green Bus ให้มีรูปแบบที่สวยงามและทันสมัย ภายใต้โครงการ Green Bus Station New Look โดยก่อนหน้านี้ ได้ดำเนินการปรับปรุงจุดจำหน่ายบัตรโดยสารที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงรายเป็นแห่งแรก ตามด้วยจุดจำหน่ายบัตรที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดพะเยา และจุดจำหน่ายบัตรโดยสาร ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงใหม่ แห่งที่ 3 เป็นแห่งล่าสุด
นางสาวกัลยาณี ทองคำคูณ ผู้จัดการธุรกิจรถโดยสาร บริษัท ชัยพัฒนาขนส่ง เชียงใหม่ จำกัด กล่าวถึงโครงการปรับปรุงจุดจำหน่ายบัตรโดยสารในรูปลักษณ์ใหม่ว่า หลังจากทำการเปิดจุดจำหน่ายบัตรโดยสารที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดเชียงใหม่ แห่งที่ 3 แล้ว ต่อจากนี้จะทยอยดำเนินการปรับปรุงจุดจำหน่ายบัตรโดยสารในพื้นที่อื่นๆ ที่บริษัทมีจุดจำหน่ายบัตรโดยสารอยู่ โดยจะเริ่มจากจุดจำหน่ายในตัวเมืองใหญ่ๆ ก่อน เช่นที่จังหวัดแพร่และน่าน จากนั้นจึงจะทยอยปรับปรุงจุดจำหน่ายบัตรในพื้นที่อื่นๆ ขณะเดียวกันก็จะให้ความสำคัญกับการจัดตั้งจุดจำหน่ายบัตรในพื้นที่ที่มีความต้องการสูงด้วย อาทิเช่นบริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เป็นต้น
ด้าน นายสมชาย ทองคำคูณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชัยพัฒนาขนส่ง เชียงใหม่ จำกัด กล่าวถึงภาพรวมการดำเนินงานของบริษัทในปี 2554 ว่า ในแง่ของผลประกอบการนั้นถือว่าติดลบ เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนด้านเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นกว่า 30% ประกอบกับบริษัทได้นำรถใหม่เข้ามาให้บริการแทนรถที่มีอยู่เดิม โดยมีรถใหม่เพิ่มขึ้นมาในปีนี้อีกประมาณ 20 คัน ทำให้ต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากการสั่งซื้อรถใหม่เข้ามาให้บริการ อย่างไรก็ตาม การลงทุนด้านรถนั้นถือเป็นการลงทุนในระยะยาว และส่งผลดีทั้งต่อภาพลักษณ์และคุณภาพในการให้บริการผู้โดยสาร โดยบริษัทคาดว่าในปีที่ 3-4 จะเริ่มมีกำไรกลับคืนมา
ส่วนผลตอบรับจากการเปิดบริการรถโดยสารประจำเส้นทางเชียงใหม่-ภูเก็ต ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น นายสมชายกล่าวว่าได้รับการตอบรับจากผู้โดยสารเป็นอย่างดี ล่าสุด จนถึงขณะนี้ยังคงมีผู้โดยสารใช้บริการเต็มทุกเที่ยวโดยสาร โดยกลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการมากที่สุดนั้นจะมาจากจังหวัดภูเก็ตและสุราษฎร์ธานี ขณะเดียวกันบริษัทยังได้นำรถตู้โดยสารปรับอากาศมาให้บริการเพิ่มในเส้นทางระยะสั้น อาทิเช่น เส้นทางลำปาง-แพร่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการและเพิ่มความรวดเร็วในการเดินทางมากยิ่งขึ้น
นายสมชาย ยังเปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานของบริษัท ชัยพัฒนาขนส่ง เชียงใหม่ จำกัดในลำดับต่อไปว่า บริษัทได้มองถึงการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเข้าสู่เขตเศรษฐกิจเสรีอาเซียนในปี 2558 โดยได้เริ่มหารือกับผู้ประกอบการด้านการขนส่งในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสร้างความร่วมมือในการเปิดให้บริการรถโดยสารตามเส้นทาง R3A ร่วมกัน ในลักษณะของการส่งต่อผู้โดยสารระหว่างกัน
สำหรับการสร้างความร่วมมือในลักษณะดังกล่าวจะมีลักษณะเหมือนกับการสร้างระบบเครือข่ายของสายการบินต่างๆ กล่าวคือ จะใช้วิธีส่งต่อผู้โดยสารระหว่างกันแทน ซึ่งนอกจากจะไม่ต้องใช้เม็ดเงินจำนวนมากในการลงทุนเพื่อเปิดเส้นทางใหม่แล้ว ยังเป็นการสร้างความร่วมมือกับผู้ประกอบการในประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งช่วยแก้ไขปัญหาความไม่ชำนาญเส้นทางในประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย โดยในส่วนของการลงทุนจะมีเพียงระบบการออกบัตรโดยสารที่ต้องสอดคล้องกันทั้งต้นทางและปลายทาง และมี 3 ภาษาเพื่อความสะดวกในการรับข้อมูลของผู้โดยสาร
กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชัยพัฒนาขนส่ง เชียงใหม่ จำกัด กล่าวต่อไปว่า จากการหารือร่วมกับผู้ประกอบการในประเทศเพื่อนบ้าน พบว่าผู้ประกอบการจากจีนให้ความสนใจและมีความพร้อมที่จะเชื่อมโยงเส้นทาง ขณะที่ผู้ประกอบการในลาวก็มีความสนใจเช่นกัน แต่ยังมีข้อจำกัดในเรื่องของขีดความสามารถด้านการให้บริการ ซึ่งในจุดนี้ทางบริษัทจะเข้าไปช่วยพัฒนาขีดความสามารถให้กับผู้ประกอบการลาวต่อไป
นายสมชาย ระบุด้วยว่า เส้นทางที่มีความเป็นไปได้และจะเปิดให้บริการภายในปลายปี 2555 อย่างแน่นอน ได้แก่เส้นทางสายเชียงใหม่-หลวงพระบาง ส่วนการเชื่อมโยงเส้นทางอื่นๆ นั้นน่าจะมีความชัดเจนหรือเริ่มเปิดให้บริการเพิ่มขึ้นในช่วงปี 2556-2557 อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเส้นทางภายในประเทศนั้นบริษัทยังไม่มีนโยบายที่จะเปิดเส้นทางใหม่ในปี 2555 แต่จะเน้นในเรื่องของการพัฒนาคุณภาพการให้บริการเป็นหลักแทน