xs
xsm
sm
md
lg

ลุยค้นสต๊อกยา “ซูโดฯ” รพ.กมลาไสย ตำรวจสรุปสำนวนส่งดีเอสไอ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตำรวจสภ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ เข้าตรวจสอบตัวเลขที่สั่งซื้อยาแก้หวัด ที่มีสารซูโดอีเฟดรีน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นผลิตยาเสพติดที่หายไปจากคลังยาของโรงพยาบาลกมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ จำนวน 356,535 เม็ด ว่ามีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายโรงพยาบาลอื่นๆหรือไม่ โดยเบื้องต้นพบว่ามียอดการสั่งซื้อยาดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากปี 2553-2554 เป็น 3 เท่า
กาฬสินธุ์- ตำรวจชุดคลี่คลายคดีสารซูโดอีเฟดรีน เข้าตรวจสต๊อกยาโรงพยาบาลกมลาไสย พบหลักฐานชิ้นสำคัญจากความผิดปกติสต๊อกการจัดซื้อยา ขณะที่เภสัชกรรมผู้ต้องหายังคงให้การซัดทอดอดีตเจ้าหน้าที่พยาบาลโรงพยาบาลร้อยเอ็ด ส่วนผู้อำนวยการยังไม่เดินทางเข้าให้ปากคำ พร้อมส่งสำนวน ป.ป.ท.-ดีเอสไอ สะสางคดีต่อ

ความคืบหน้าคดีสารซูโดอีเฟดรีน หายจากโรงพยาบาลกมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ กว่า 350,000 เม็ด แนวทางการสืบสวนของตำรวจภูธรจังหวัด ชุดคลี่คลายคดียังคงเร่งติดตาม เพื่อสืบหาแหล่งปล่อยยาจำนวนนี้ เนื่องจากสูตรยาซูโดอีเฟดรีน หากตกไปอยู่ในเครือข่ายผลิตยาเสพติด จะสามารถผลิตยาบ้าได้จำนวนมาก ทั้งนี้ หลังจาก นางสดชื่น วิโทจิตร เภสัชกรรมโรงพยาบาลกมลาไสย ตกเป็นผู้ต้องหาในคดี แนวทางการสอบสวนจึงต้องเพิ่มความรัดกุม

ล่าสุด วันนี้ (26 มี.ค.) ร.ต.อ.มณี สารขันธ์ พนง.สอบสวน สภ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ เข้าตรวจสอบสต๊อกห้องยาโรงพยาบาลกมลาไสย ตามคำสั่ง พ.ต.อ.วันชัย รณชาติชัย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอกมลาไสย เพื่อสรุปสำนวนผลการสอบสวนให้กับ ดีเอสไอ ซึ่งได้รับคดีนี้เป็นคดีพิเศษ การตรวจสต๊อกยาสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน ถูกระบุว่า พบความผิดปกติในสต๊อกการจัดซื้อยาระหว่างปี 2552 ซึ่งมีการสั่งซื้อยาจำนวน 165,000 เม็ด และเพิ่มมากขึ้นในปี 2553 กว่าปกติเกือบ 1 เท่าตัว และมากเกือบ 3 เท่าในปี 2554 คือ จำนวน 522,000 เม็ด ซึ่งหายไป 356,535 เม็ด

พ.ต.อ.วันชัย รณชาติชัย ผกก.สภ.กมลาไสย กล่าวว่า เฉพาะในปี 2554 เม็ดยาสูตรนี้หายจากระบบไปกว่า 350,000 เม็ด และตำรวจจะทำการตรวจสอบย้อนหลัง เพราะมีการสั่งยาที่เพิ่มขึ้น ก่อนที่จะส่งสำนวนให้ ดีเอสไอ ดำเนินการสืบสวนหาเครือข่ายยาเสพติด ที่จะต้องขอความร่วมมือในการตรวจสอบนัมเบอร์เลขที่จากซองยาชนิดนี้ ว่า ไปตรงกับซองยาในกลุ่มโรงพยาบาลที่มีปัญหาหรือไม่ ซึ่งหากพบว่าไปเกี่ยวพันกัน ก็จะทำให้รู้ว่าปัญหายาที่หายจากโรงพยาบาลกมลาไสย อาจจะกระทำกันเป็นเครือข่าย ที่จะสามารถเชื่อมโยงไปถึงเครือข่ายยาเสพติด

“การทำงานของตำรวจขณะนี้จะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ ในรูปแบบของคดี ซึ่งแน่ชัดว่า ดีเอสไอ ได้รับคดีสารซูโดอีเฟดรีน เป็นคดีพิเศษ พนักงานสอบสวนฯก็จะทำการสอบสวนเพิ่มเติมที่พร้อมจะส่งสำนวนทันที หาก ดีเอสไอ ต้องการ ในส่วนของ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ป.ป.ส.ได้มีการประสานงานกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทั้งหมดจะเป็นเรื่องของการติดตามเครือข่ายยาเสพติด ขณะที่ทางคดีเนื่องจากผู้ต้องหาเป็นข้าราชการของรัฐจะส่งเรื่องให้ ปปท. ดำเนินการ ที่จะไม่เกี่ยวกันในเรื่องของการสอบสวนด้านวินัยจากระทรวงสาธารณสุข” ผกก.สภ.กมลาไสย กล่าว

ด้าน พ.ต.อ.วิเชียร พินดวง รองผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ความคืบหน้าทางคดีชุดคลี่คลายคดีจะส่งเรื่องให้ ป.ป.ท.ดำเนินคดีกับ นางสดชื่น วิโทจิตร เภสัชกรรม ซึ่งเป็นผู้ต้องหาเพียงรายเดียวที่ยังคงซัดทอดอดีตเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ด ซึ่งตำรวจก็ยังคงทำการสืบสวนต่อไป แต่เบื้องต้นพบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ทั้งนี้ เนื่องจากผู้ต้องหาทางคดี ยืนยันว่า ได้นำยาส่งไปขายในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด ตำรวจก็ยังคงทำการสืบสวนต่อไป

ในส่วนของผู้อำนวยการโรงพยาบาลกมลาไสย ยังไม่มาให้การแต่หลักฐานทั้งหมดพร้อมที่จะส่งให้ ดีเอสไอ ดำเนินการแล้ว

กำลังโหลดความคิดเห็น