กาฬสินธุ์ - ตำรวจชุดคลี่คลายคดีสารซูโดอีเฟดรีน โรงพยาบาลกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ หาย เผยสำนวนสอบสวนคืบ พบเส้นทางลำเลียงยาของเภสัชกรรมโรงพยาบาล โยงกับเครือข่ายยาหายในหลายจังหวัด พร้อมเชิญตัวผู้อำนวยการ และเภสัชสอบปากคำอีกจันทร์นี้ ขณะที่กระแสสังคมเริ่มกดดันให้เร่งคลี่คลายคดี เหตุเกี่ยวพันกับอาชีพที่ชาวบ้านเคารพนับถือ
ความคืบหน้าการติดตามหายาแก้หวัด ที่มีสารซูโดอีเฟดรีน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นผลิตยาเสพติดที่หายไปจากคลังยาของโรงพยาบาลกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน 356,535 เม็ด ล่าสุดวันนี้ (25 มี.ค.) พ.ต.อ.วิเชียร พินดวง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดเผยถึงผลการสอบสวน นางสุภคนิจ ศรีพนา อดีตเจ้าหน้าที่พยาบาลโรงพยาบาลร้อยเอ็ด ผู้ต้องสงสัย ซึ่งถูก นางสดชื่น วิโทจิตร เภสัชกรรมโรงพยาบาลกมลาไสยผู้ต้องหา ให้การซัดทอดว่าเป็นผู้รับซื้อยา
ผลการสืบสวนไม่พบว่า มีส่วนเกี่ยวข้อง ทำให้รูปคดีขณะนี้ตำรวจได้พุ่งเป้าไปที่เครือข่ายกลุ่มเภสัชกรตามโรงพยาบาลต่างๆ ซึ่งสำนวนก่อนที่จะส่งให้กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และดีเอสไอ ตำรวจพื้นที่จะต้องเพิ่มความรัดกุมและรอบครอบมากขึ้น เนื่องจากคาดว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่เภสัชโรงพยาบาลกมลาไสย น่าจะเชื่อมโยงและน่าจะอยู่ในเครือข่ายเภสัชของโรงพยาบาลหลายแห่งที่เกิดเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าว
พ.ต.อ.วิเชียร กล่าวต่อว่า หลังจาก นพ.สุพัฒน์ ธาตุเพชร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกมลาไสย กลับมาจากต่างประเทศ ตำรวจจะได้เชิญตัวเข้าให้ข้อมูลใหม่ พร้อมกับเรียกเจ้าหน้าที่เภสัชโรงพยาบาลกมลาไสย เข้ามาสอบปากคำเค้นเอาความจริงว่า นำยาไปขายให้ใครกันแน่ โดยจะเน้นการติดตามสืบหายาทั้งหมดไปอยู่ที่ไหนบ้าง พร้อมกับตรวจสอบว่า ยาทั้งหมดได้ตกไปอยู่กับขบวนการเครือข่ายยาเสพติดจริงหรือไม่
แต่ในส่วนของการตรวจสอบการทุจริตการนำยาออกจากโรงพยาบาล ตำรวจได้ส่งเรื่องไปยังป.ป.ท.แล้ว เพื่อชี้มูลความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทุจริตในหน้าที่และปลอมแปลงเอกสารของทางราชการ ที่สำคัญตำรวจจะพุ่งเป้าไปที่เหตุผลของการสั่งยากับการตรวจสอบบริษัทขายยา รวมทั้งเซลล์ที่นำยาส่งโรงพยาบาล
อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหการณ์ดังกล่าวขึ้น ทำให้บรรยากาศภายในโรงพยาบาลกมลาไสย เป็นไปด้วยความเงียบเหงา เจ้าหน้าที่ภายในโรงพยาบาลต่างแสดงอาการวิตกกังวล และไม่ยอมพูดคุยถึงเรื่องดังกล่าว เพราะเกรงว่าโรงพยาบาลจะเสื่อมเสียชื่อเสียงไปมากกว่านี้ แต่เนื่องจากผลทางคดียังไม่คืบหน้า ทำให้ประชาชนในจังหวัดกาฬสินธุ์และจังหวัดใกล้เคียงเริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมาก
โดยเฉพาะกรณียาหายที่ต้องการให้เกิดความชัดเจนว่าใครทำผิดบ้าง ดำเนินการลงโทษกับผู้เกี่ยวข้องอย่างไร ยาทั้งหมดถูกส่งและหายไปไหน เนื่องจากอาชีพนี้รักษาคนป่วยเป็นกลุ่มผู้มีสถานะทางสังคมที่สูง ซึ่งหากไม่ทำเรื่องนี้ให้กระจ่างก็จะเป็นกระแสที่ไม่ดีต่อไป