xs
xsm
sm
md
lg

แจ้งจับอธิบดีป่าไม้-กรมอุทยานฯ จวกเพิกเฉย-ละเลยทำเกิดวิกฤตหมอกควัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 นายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์ อดีต ส.ส.จังหวัดแพร่ พรรคไทยรักไทย สมาชิกคนบ้านเลขที่ 111 แจ้งความดำเนินคดีอธิบดีกรมป่าไม้-กรมอุทยานฯ ฐานละเลยเพิกเฉยต่อปัญหาการบุกรุกทำลายป่าเมืองแพร่ จนก่อให้เกิดวิกฤตหมอกควันลุกลามไปทั่ว
แพร่ - พิษวิกฤตหมอกควันลุกลามเมืองแพร่ และทั่วภาคเหนือตอนบน “หมอทศ-คนบ้านเลขที่ 111” ขึ้นโรงพักแจ้งจับ 2 อธิบดีฯ ทั้งกรมป่าไม้-กรมอุทยานฯ ฐานเพิกเฉยต่อปัญหา

วันนี้ (25 มี.ค.) นายแพทย์ ทศพร เสรีรักษ์ อดีต ส.ส.จังหวัดแพร่ พรรคไทยรักไทย สมาชิกคนบ้านเลขที่ 111 ได้เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ ตุ้ยบุญมา พนักงานสอบสวน สภ.เมืองแพร่ กล่าวโทษ นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และ นายสุวิทย์ รัตนมณี อธิบดีกรมป่าไม้ ข้อหาเพิกเฉยต่อการแก้ปัญหาการบุกรุกทำลายป่าในเขต ต.สวนเขื่อน อ.เมือง ต.บ้านอ้อย ต.บ้านเวียง อ.ร้องกวาง และอำเภออื่นๆ ของ จ.แพร่ จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจนอยู่ในสภาวะวิกฤต

นายแพทย์ ทศพร กล่าวว่า การที่ต้องออกมาแจ้งความดำเนินคดี เนื่องจากปัญหาหมอกควันที่รุนแรงมากในทุกจังหวัดของภาคเหนือ ซึ่งได้ลงพื้นที่ไปดูข้อเท็จจริง หาสาเหตุการเกิดหมอกควันไฟป่าว่ามาจากสาเหตุอะไร จนได้ข้อสรุปว่า ในช่วงนี้ปัญหาหมอกควัน ไม่ได้เกิดจากพื้นที่เกษตรกรรมในระบบ แต่เกิดจากการแผ้วถางป่า ล้มต้นไม้ขนาดใหญ่แล้วเผา เพื่อยึดพื้นที่เป็นที่ปลูกข้าวโพด และยางพารา โดยมีชาวบ้านจำนวนมากที่ทำข้าวโพดได้ระยะหนึ่งก็ทำการขายให้กับผู้ที่สนใจซื้อที่ดิน แล้วเข้าไปบุกเบิกใหม่

นายแพทย์ ทศพร บอกอีกว่า ตนได้เข้าตรวจสอบเมื่อต้นเดือนมีนาคม 55 ที่ผ่านมา ขณะมีหมอกควันมาก พบมีการทำลายป่าอย่างรุนแรงในทุกอำเภอของจังหวัดแพร่ จึงได้เข้าไปหาหลักฐานข้อเท็จจริงใน ต.สวนเขื่อน อ.เมือง และ ต.บ้านอ้อย ต.บ้านเวียง อ.ร้องกวาง พบสาเหตุของหมอกควัน คือ การรุกป่าเอาที่ดินปลูกข้าวโพด จึงได้ร้องเรียนเข้าไปยังกรรมาธิการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งได้ให้โอกาสเข้าไปชี้แจงข้อเท็จจริงโดยตรง แต่พบว่าการเข้าไปชี้แจ้งไม่ได้ทำให้เกิดการแก้ปัญหาใดๆเกิดขึ้น หรือหาทางออกที่ดีในการแก้ปัญหาหมอกควันแต่อย่างใด

เมื่อได้เข้าไปดูยังพื้นที่เดิมอีกครั้ง เมื่อวันที่ 24 มี.ค.55 ที่ผ่านมา ก็ยังพบอีกว่า มีการทำลายป่าเพิ่มขึ้น โดยไม่มีเจ้าหน้าที่เข้ามาควบคุมดูแล หรือหาทางป้องกันแต่อย่างใด และถ้าปล่อยไว้ ปัญหาหมอกควันจะทวีความรุนแรงไม่หยุด

“หมอกควัน ถือเป็นมลภาวะด้านหนึ่งเท่านั้น แต่ถ้าปล่อยไปไม่หยุดการทำลายป่าปัญหาอื่นๆ จะตามมาอีกมาก”

สำหรับพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตลุ่มน้ำแม่เติก-แม่ถาง ภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงชันสลับซับซ้อนไม่มีพื้นที่ราบ มีอ่างเก็บน้ำแม่ถาง อยู่ทางทิศเหนือ และอ่างเก็บน้ำแม่เติก อยู่ทางทิศใต้ ทั้งสองอ่างเก็บน้ำกำลังเป็นปัญหาหนัก เนื่องจากป่าถูกทำลายและเผา เมื่อฝนตกจะทำให้ตะกอนหน้าดินถูกพัดลงสู่อ่างเก็บน้ำ ทำให้ตื้นเขิน และนำไปสู่ปัญหาน้ำท่วมที่ยากแก่การควบคุม ถือว่าส่งผลกระทบรุนแรง

ในขณะเดียวกัน พื้นที่ดังกล่าวมีเขตจัดการต้นน้ำ เขตอุทยาน และ เขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของอธิบดีกรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่ต้องทำหน้าที่ปกป้องแหล่งน้ำแห่งนี้ แต่กลับไม่สนใจและเพิกเฉยปล่อยให้มีการทำลายป่าและเผาป่าอยู่ทุกวัน
สภาพพื้นที่ป่าหลายจุดของเมืองแพร่ ถูกบุกรุกทำลาย เพื่อยึดครองที่ดินทำไร่ข้าวโพด-สวนยางพารา เป็นต้นเหตุทำให้เกิดวิกฤตหมอกควันในขณะนี้


กำลังโหลดความคิดเห็น