อุบลราชธานี - แม่น้ำโขงลดกระทบแม่ค้าขายปลา เพราะปลาเศรษฐกิจเข้าตลาดลดลงกว่าครึ่ง ขณะเดียวกัน ยังกระทบต่อการปลูกพืชตามริมฝั่งแม่น้ำโขง เพราะเกิดเป็นพื้นที่ลาดชันถึง 45 องศา เกษตรกรปลูกไร่ข้าวโพดและมะเขือเทศไม่สามารถใช้เครื่องสูบน้ำดึงน้ำขึ้นมารดผลิตจำเป็นต้องปล่อยให้ผลผลิตยืนต้นตาย เพราะขาดน้ำด้วย
วันนี้ (21 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวจังหวัดอุบลราชธานี รายงานว่า ระดับแม่น้ำโขงที่ อ.เขมราฐ มีระดับน้ำลดลงจนบางช่วงมีโขดหินและสันดอนทรายใต้น้ำโผล่ขึ้นเหนือน้ำ โดยระดับน้ำปัจจุบันต่ำกว่าตลิ่งประมาณ 20 เมตร และปรับตัวลดลงเฉลี่ยสัปดาห์และเกือบ 1 เมตร ส่งผลต่อการประกอบอาชีพจับปลาของชาวประมงริมแม่น้ำโขง เนื่องจากปลาเศรษฐกิจสำคัญ เช่น ปลากรดดำ ปลานกแก้ว ปลากะโห้ ปลาคัง ปลานางแดง ซึ่งเป็นปลาอาศัยอยู่ในน้ำลึก และอยู่ในกลุ่มปลาเนื้ออ่อนหายาก มีราคาแพง ซื้อขายเฉลี่ยกิโลกรัมละ 150-300 บาท ย้ายถิ่นไปหาน้ำลึกตามกายภาพการเปลี่ยนแปลงของแม่น้ำโขง ทำให้ชาวประมงจับปลาได้น้อยลง
นางภาวิตรี อุ่นสุข แม่ค้าขายปลาในตลาดสด อ.เขมราฐ กล่าวว่า ปกติแผงขายปลาของตนจะรับซื้อปลาจากชาวประมงเฉลี่ยวันละเกือบ 100 กิโลกรัม แต่ปัจจุบันมีปลาเข้ามาขายเพียงวันละ 20-50 กิโลกรัม ทำให้มีปลาเหลือขายเฉพาะที่แผง ไม่สามารถส่งต่อเข้าไปให้ตลาดในตัวจังหวัด และคาดว่าในช่วงเดือนเมษายนปริมาณปลาจะน้อยลงไปอีก เพราะเป็นช่วงที่แม่น้ำโขงลดต่ำที่สุดในรอบปี ซึ่งจะกดดันให้ราคาปลาแม่น้ำโขงแพงขึ้นอีก
ขณะเดียวกัน ระดับแม่น้ำโขงที่ลดต่ำลงต่อเนื่อง ได้ส่งผลกระทบต่อการปลูกพืชริมแม่น้ำ ทั้งไร่ข้าวโพด ไร่มะเขือเทศใน ต.เขมราฐ ขาดแคลนน้ำ เพราะพื้นที่ที่ลาดชันถึง 45 องศา เกษตรกรไม่สามารถใช้เครื่องสูบน้ำดึงน้ำจากแม่น้ำโขงขึ้นมาเลี้ยงผลผลิตได้ และไม่คุ้มค่าหากต้องจ้างแรงงานเพื่อนบ้านมาหาบน้ำจากแม่น้ำขึ้นมารดผลผลิต จึงปล่อยให้ผลผลิตยืนต้นตายตลอดแนวเพาะปลูกเนื้อที่หลายสิบไร่
เกษตรกร ระบุว่า ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมเป็นต้นมา แม่น้ำโขงมีระดับน้ำต่ำลงเรื่อยๆ และไม่มีแนวโน้มระดับน้ำจะเพิ่มขึ้น จึงตัดสินใจปล่อยให้ผลผลิตตายดังกล่าว
วันนี้ (21 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวจังหวัดอุบลราชธานี รายงานว่า ระดับแม่น้ำโขงที่ อ.เขมราฐ มีระดับน้ำลดลงจนบางช่วงมีโขดหินและสันดอนทรายใต้น้ำโผล่ขึ้นเหนือน้ำ โดยระดับน้ำปัจจุบันต่ำกว่าตลิ่งประมาณ 20 เมตร และปรับตัวลดลงเฉลี่ยสัปดาห์และเกือบ 1 เมตร ส่งผลต่อการประกอบอาชีพจับปลาของชาวประมงริมแม่น้ำโขง เนื่องจากปลาเศรษฐกิจสำคัญ เช่น ปลากรดดำ ปลานกแก้ว ปลากะโห้ ปลาคัง ปลานางแดง ซึ่งเป็นปลาอาศัยอยู่ในน้ำลึก และอยู่ในกลุ่มปลาเนื้ออ่อนหายาก มีราคาแพง ซื้อขายเฉลี่ยกิโลกรัมละ 150-300 บาท ย้ายถิ่นไปหาน้ำลึกตามกายภาพการเปลี่ยนแปลงของแม่น้ำโขง ทำให้ชาวประมงจับปลาได้น้อยลง
นางภาวิตรี อุ่นสุข แม่ค้าขายปลาในตลาดสด อ.เขมราฐ กล่าวว่า ปกติแผงขายปลาของตนจะรับซื้อปลาจากชาวประมงเฉลี่ยวันละเกือบ 100 กิโลกรัม แต่ปัจจุบันมีปลาเข้ามาขายเพียงวันละ 20-50 กิโลกรัม ทำให้มีปลาเหลือขายเฉพาะที่แผง ไม่สามารถส่งต่อเข้าไปให้ตลาดในตัวจังหวัด และคาดว่าในช่วงเดือนเมษายนปริมาณปลาจะน้อยลงไปอีก เพราะเป็นช่วงที่แม่น้ำโขงลดต่ำที่สุดในรอบปี ซึ่งจะกดดันให้ราคาปลาแม่น้ำโขงแพงขึ้นอีก
ขณะเดียวกัน ระดับแม่น้ำโขงที่ลดต่ำลงต่อเนื่อง ได้ส่งผลกระทบต่อการปลูกพืชริมแม่น้ำ ทั้งไร่ข้าวโพด ไร่มะเขือเทศใน ต.เขมราฐ ขาดแคลนน้ำ เพราะพื้นที่ที่ลาดชันถึง 45 องศา เกษตรกรไม่สามารถใช้เครื่องสูบน้ำดึงน้ำจากแม่น้ำโขงขึ้นมาเลี้ยงผลผลิตได้ และไม่คุ้มค่าหากต้องจ้างแรงงานเพื่อนบ้านมาหาบน้ำจากแม่น้ำขึ้นมารดผลผลิต จึงปล่อยให้ผลผลิตยืนต้นตายตลอดแนวเพาะปลูกเนื้อที่หลายสิบไร่
เกษตรกร ระบุว่า ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมเป็นต้นมา แม่น้ำโขงมีระดับน้ำต่ำลงเรื่อยๆ และไม่มีแนวโน้มระดับน้ำจะเพิ่มขึ้น จึงตัดสินใจปล่อยให้ผลผลิตตายดังกล่าว