ชาวบ้านร้อง รพ.สุโขทัย เรียกค่ารักษาครึ่งแสน-ต้องกู้นอกระบบเอาศพกลับบ้านทำพิธี

สุโขทัย - ชาวบ้านร้องสื่อโดน รพ.สุโขทัย ทวงเงินค่ารักษาพี่เมียเกือบครึ่งแสน จะเอาศพออกจาก รพ.ต้องจ่ายก่อน 1 หมื่น-ผ่อนชำระที่เหลือ สุดท้ายกู้นอกระบบมาเอาศพกลับบ้านทำพิธี สุดสลดไม่มีเงินซื้อโลง ต้องอาศัยชาวบ้านเรี่ยไรช่วยซื้อให้ แถมทำพิธีวันเดียวแล้วเผาเลย ด้าน รพ.แจงพี่สาวไม่มีเลข 13 หลัก เลยใช้สิทธิอะไรไม่ได้

รายงานข่าวจาก จ.สุโขทัย แจ้งว่า นายจรัญ อักช้าง อายุ 40 ปี และ นางบานชื่น เกิดศรี อายุ 30 ปี สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 125/1 หมู่ 4 ต.บ้านกล้วย อ.เมือง จ.สุโขทัย ได้เข้าร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ภายหลังถูกโรงพยาบาลสุโขทัยเรียกเก็บเงินค่ารักษาพยาบาล นางสาวลั่นทม เกิดศรี อายุ 33 ปี พี่สาวของ นางบานชื่น ที่ติดค้างไว้ก่อนเสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 52,950 บาท

นายจรัญ เปิดเผยว่า นางสาวลั่นทม ซึ่งมีร่างกายพิการเป็นโรคโปลิโอ ได้เข้าทำการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสุโขทัย เนื่องจากป่วยเป็นโรคธาลัสซีเมีย ตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ.ก่อนจะเสียชีวิตเมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่ในระหว่างที่เตรียมจะนำศพนางสาวลั่นทมไปบำเพ็ญกุศลนั้น ทางโรงพยาบาลได้เรียกให้ไปจ่ายค่ารักษาของนางสาวลั่นทม ที่ติดค้างอยู่ทั้งหมด 52,950 บาท

นายจรัญ กล่าวต่อไปว่า ทางโรงพยาบาลได้แจ้งกับตนและภรรยา ว่า จะต้องจ่ายเงินก่อนอย่างน้อย 10,000 บาท สำหรับเงินส่วนที่เหลือให้ทำสัญญาผ่อนชำระเป็นรายเดือน เดือนละ 3,000 บาท ตนจึงได้ต่อรองขอผ่อนชำระ เนื่องจากทำงานเป็นช่างฉลุลายตู้โบราณ มีรายได้น้อย เกรงว่า จะผ่อนชำระไม่ไหว ประกอบกับมีภาระต้องเลี้ยงดูลูก ภรรยา รวมทั้งพ่อและแม่ของภรรยาที่กำลังป่วยเป็นโรคมะเร็งอีกด้วย แต่กลับได้รับคำตอบว่าให้ส่งมากๆ เงินที่ติดค้างจะได้หมดเร็วๆ

เมื่อไม่สามารถหาเงินมาชำระค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดได้ นายจรัญ บอกว่า จึงได้ตัดสินใจกู้เงินนอกระบบ จำนวน 10,000 บาท เพื่อจ่ายให้โรงพยาบาลและรับศพพี่สาวของภรรยามาประกอบพิธีทางศาสนา โดยระหว่างที่นำศพมาทำพิธีก็มีเพียงผ้าห่มคลุมศพไว้เท่านั้น เพราะไม่มีเงินซื้อโลงศพ แต่ชาวบ้านใกล้เคียงเห็นแล้วเกิดความเวทนา จึงช่วยกันเรี่ยไรเงินมาซื้อโลงศพให้ ส่วนการประกอบพิธีทางศาสนาก็ทำเพียงคืนเดียวแล้วก็ฌาปนกิจทันที เนื่องจากไม่มีเงินเช่นกัน

ด้าน นางพรรณนิภา ช่วยเพ็ญ หัวหน้าฝ่ายสวัสดิการสงเคราะห์ โรงพยาบาลสุโขทัย กล่าวว่า กรณีของ นางสาวลั่นทม เคยเข้ารักษาตัวมาตั้งแต่ปี 2550 โดยญาติได้นำสำเนาทะเบียนบ้านมาให้ แต่ปรากฏว่าไม่มีเลข 13 หลัก นางสาวลั่นทมจึงไม่สามารถใช้สิทธิใดๆ ในการรักษาได้ ทำให้มียอดค่ารักษาที่ติดค้างกับทางโรงพยาบาลเป็นจำนวนมากดังกล่าว