พะเยา - หมอกควันไฟป่าเมืองกว๊าน หวนกลับสู่วิกฤตรุนแรงอีกรอบ ผวจ.พะเยา ระดมกำลังประชุมด่วน สั่งทุกหน่วยร่วมแก้ไขปัญหาให้ได้ ปภ.ดันแนวคิดป่าชุมชน “บ้านปี๊” ป้องไฟป่ายั่งยืนนำร่อง พบจัดเวรยามเฝ้า 24 ชั่วโมงดูผืนป่าชุมชนได้ผล
วันนี้ (8 มี.ค.) นางธวัลรัตน์ ไชยอินปัน หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จังหวัดพะเยา เปิดเผยว่า สถานการณ์หมอกควันของจังหวัดพะเยา วัดได้ 224.7 ไมโครกรัม/ลบ.ม หวนกลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่มีค่าต่ำกว่า 200 ไมโครกรัม 3-4 วันติดต่อกัน เนื่องจากมีการเกิดไฟป่าในพื้นที่ใกล้เคียงกับท้องที่ อ.เมือง จ.พะเยา จึงเป็นปัจจัยทำให้ค่าฝุ่นละอองในอากาศสูงขึ้น
เมื่อวานนี้ (7 มี.ค.) ทาง นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ได้เรียกหัวหน้าส่วนราชการของหน่วยงานราชการทุกภาคส่วน รวมถึงอาสาสมัครต่างๆ เข้าหารือเรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันในจังหวัดพะเยาอย่างเร่งด่วน ซึ่ง ผวจ.เน้นให้ทำทุกวิถีทางที่จะต้องลดปัญหาหมอกควันให้ได้ในเวลาอันรวดเร็ว เพราะเกรงจะกระทบถึงการท่องเที่ยวของจังหวัด
หน.ปภ.จังหวัดพะเยา กล่าวอีกว่า ทางจังหวัดได้รับทราบว่า มีภาคประชาชนได้บริการจัดการเรื่องการดูแลป่าชุมชนที่สามารถป้องกันการเกิดไฟป่าอย่างได้ผล โดยไม่ยึดติดงบประมาณของภาครัฐ คือ ป่าชุมชนบ้านปี๊ ต.เวียง อ.เชียงคำ จ.พะเยา ที่มีการบริหารจัดการป่าโดยคณะกรรมการป่าชุมชนบ้านปี๊ มาอย่างยาวนานและเข้มแข็ง ทุกปีทั้ง กก.ป่าฯ และชาวบ้านจะช่วยกันทำแนวกันไฟด้วยเงินจากกองทุนฯ ที่ได้รับการสนับสนุนและสมทบจากภาครัฐ ท้องถิ่น และเอกชน ตลอดจนการลงแขกช่วยกันทำแนวกันไฟ สามารถป้องกันไฟป่าไม่ให้ไหม้พื้นที่ป่าชุมชนแห่งนี้อย่างได้ผล ไม่เคยเกิดไฟป่าขึ้นเลย
“ตรงนี้ทางจังหวัดจะทำเป็นวาระเร่งด่วน เป็นพื้นที่นำร่องเรื่องการสร้างรูปแบบการบริหารจัดการป่าเพื่อป้องกันและแก้ปัญหาไฟป่าและหมอกควันในระยะยาว โดยใช้เครือข่ายป่าชุมชนเป็นต้นแบบขับเคลื่อนต่อไป” นางธวัลรัตน์ กล่าว
ด้าน นายตัน ใจดี อดีตนายกเทศมนตรีตำบล (ทต.)บ้านทราย อ.เชียงคำ และที่ปรึกษา กก.ป่าชุมชนบ้านปี๊ กล่าวว่า ทุกปีก่อนถึงฤดูแล้ง ทาง กก.ป่าชุมชน ฯ จะจัดประชุมและระดมกำลังชาวบ้านร่วมกันเข้าไปทำแนวกันไฟใช้ระยะเวลา 2 วัน ติดต่อกัน เก็บกวาดเศษวัชพืช เศษไม้ใบหญ้า ในพื้นที่ป่าประมาณ 700 ไร่ เพื่อป้องกันไฟป่า
นอกจากนี้ หากเกิดไฟป่าขึ้นในพื้นที่ป่า ซึ่งเป็นเขตติดต่อกับป่าชุมชนฯ จะต้องจัดกำลังไปร่วมกันดับไฟป่าเพื่อป้องกันไม่ให้ไฟป่าลุกลามเข้ามาในป่าชุมชนฯ ได้และทุกคืนในฤดูแล้ง ทางหมู่บ้านจะจัดเวรยามไปนอนเฝ้าระวังไฟป่า โดยมีผู้นำและสมาชิกตำรวจบ้าน (สตบ.) อย่างน้อยคืนละ 2 คน ไปนอนเวรเฝ้ายามในป่า เมื่อเกิดเหตุจะแจ้งเข้ามาที่หมู่บ้านนำกำลังไปช่วยดับไฟได้ทันการณ์
วันนี้ (8 มี.ค.) นางธวัลรัตน์ ไชยอินปัน หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จังหวัดพะเยา เปิดเผยว่า สถานการณ์หมอกควันของจังหวัดพะเยา วัดได้ 224.7 ไมโครกรัม/ลบ.ม หวนกลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่มีค่าต่ำกว่า 200 ไมโครกรัม 3-4 วันติดต่อกัน เนื่องจากมีการเกิดไฟป่าในพื้นที่ใกล้เคียงกับท้องที่ อ.เมือง จ.พะเยา จึงเป็นปัจจัยทำให้ค่าฝุ่นละอองในอากาศสูงขึ้น
เมื่อวานนี้ (7 มี.ค.) ทาง นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ได้เรียกหัวหน้าส่วนราชการของหน่วยงานราชการทุกภาคส่วน รวมถึงอาสาสมัครต่างๆ เข้าหารือเรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันในจังหวัดพะเยาอย่างเร่งด่วน ซึ่ง ผวจ.เน้นให้ทำทุกวิถีทางที่จะต้องลดปัญหาหมอกควันให้ได้ในเวลาอันรวดเร็ว เพราะเกรงจะกระทบถึงการท่องเที่ยวของจังหวัด
หน.ปภ.จังหวัดพะเยา กล่าวอีกว่า ทางจังหวัดได้รับทราบว่า มีภาคประชาชนได้บริการจัดการเรื่องการดูแลป่าชุมชนที่สามารถป้องกันการเกิดไฟป่าอย่างได้ผล โดยไม่ยึดติดงบประมาณของภาครัฐ คือ ป่าชุมชนบ้านปี๊ ต.เวียง อ.เชียงคำ จ.พะเยา ที่มีการบริหารจัดการป่าโดยคณะกรรมการป่าชุมชนบ้านปี๊ มาอย่างยาวนานและเข้มแข็ง ทุกปีทั้ง กก.ป่าฯ และชาวบ้านจะช่วยกันทำแนวกันไฟด้วยเงินจากกองทุนฯ ที่ได้รับการสนับสนุนและสมทบจากภาครัฐ ท้องถิ่น และเอกชน ตลอดจนการลงแขกช่วยกันทำแนวกันไฟ สามารถป้องกันไฟป่าไม่ให้ไหม้พื้นที่ป่าชุมชนแห่งนี้อย่างได้ผล ไม่เคยเกิดไฟป่าขึ้นเลย
“ตรงนี้ทางจังหวัดจะทำเป็นวาระเร่งด่วน เป็นพื้นที่นำร่องเรื่องการสร้างรูปแบบการบริหารจัดการป่าเพื่อป้องกันและแก้ปัญหาไฟป่าและหมอกควันในระยะยาว โดยใช้เครือข่ายป่าชุมชนเป็นต้นแบบขับเคลื่อนต่อไป” นางธวัลรัตน์ กล่าว
ด้าน นายตัน ใจดี อดีตนายกเทศมนตรีตำบล (ทต.)บ้านทราย อ.เชียงคำ และที่ปรึกษา กก.ป่าชุมชนบ้านปี๊ กล่าวว่า ทุกปีก่อนถึงฤดูแล้ง ทาง กก.ป่าชุมชน ฯ จะจัดประชุมและระดมกำลังชาวบ้านร่วมกันเข้าไปทำแนวกันไฟใช้ระยะเวลา 2 วัน ติดต่อกัน เก็บกวาดเศษวัชพืช เศษไม้ใบหญ้า ในพื้นที่ป่าประมาณ 700 ไร่ เพื่อป้องกันไฟป่า
นอกจากนี้ หากเกิดไฟป่าขึ้นในพื้นที่ป่า ซึ่งเป็นเขตติดต่อกับป่าชุมชนฯ จะต้องจัดกำลังไปร่วมกันดับไฟป่าเพื่อป้องกันไม่ให้ไฟป่าลุกลามเข้ามาในป่าชุมชนฯ ได้และทุกคืนในฤดูแล้ง ทางหมู่บ้านจะจัดเวรยามไปนอนเฝ้าระวังไฟป่า โดยมีผู้นำและสมาชิกตำรวจบ้าน (สตบ.) อย่างน้อยคืนละ 2 คน ไปนอนเวรเฝ้ายามในป่า เมื่อเกิดเหตุจะแจ้งเข้ามาที่หมู่บ้านนำกำลังไปช่วยดับไฟได้ทันการณ์