จันทบุรี - มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณีจันทบุรี จัดโครงการปลูกจิตสำนึกเยาวชน รักษ์ป่าชายเลน เพื่อให้เยาวชนได้เรียนรู้ถึงคุณค่าของการอนุรักษ์ธรรมชาติป่าชายเลน พร้อมลงพื้นที่ดูป่าชายเลนของจริง
วันนี้ (27 ก.พ.) ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่างคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลคลองขุด อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ว่าที่เรือตรี ดร.เอกชัย กิจเกศาเจริญ นางเรืองอุไร วรรณโก อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการ พร้อมด้วย คณะนักศึกษาหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณีจันทบุรี ได้นำนักเรียนโรงเรียนสะพานเลือกวิทยาคม จำนวน 60 คน มาจัดโครงการปลูกจิตสำนึกเยาวชน รักษ์ป่าชายเลน พร้อมลงพื้นที่ดูป่าชายเลนในพื้นที่จริง
สำหรับการจัดโครงการปลูกจิตสำนึกเยาวชน รักษ์ป่าชายเลนในครั้งนี้ สืบเนื่องจากปัจจุบันป่าไม้ภายในประเทศถูกทำลายลงไปเป็นจำนวนมาก ทั้งโดยฝีมือของมนุษย์เองอันเกิดจากความเห็นแก่ตัวและจากความไม่รู้ของชาวบ้านทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ขี้นตามมา ไม่ว่าจะเป็นภัยธรรมชาติ เช่น การเกิดอุทกภัยน้ำป่าไหลหลาก ฝนไม่ตรงตามฤดูกาล หรือการทำให้ทรัพยากรลดน้อยลงโดยสูญเปล่า ป่าชายเลนเป็นป่าไม้ประเภทป่าดงดิบ เป็นกลุ่มสังคมพืชที่ข้นอยู่ตามชายฝั่งทะเลปากแม่น้ำ อ่าว ทะเลสาบ และเกาะในบริเวณที่เป็นดินเลน และอยู่ในพื้นที่ระหว่างน้ำขึ้นสูงสุดถึงน้ำลงต่ำสุดและสังคมพืชน้ำเกิดขึ้นเฉพาะในเขตร้อน
ซึ่งในประเทศไทยถือเป็นพื้นที่เขตร้อนจงพบป่าชายเลนได้ทั้งชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก ภาคกลางและภาคใต้ จากการสำรวจพบพื้นที่ป่าชายเลนทั้งหมด 15,259,997 ไร่ ป่าชายเลนนอกจากจะมีความสำคัญในเรื่องการเป็นที่อนุบาลสัตว์น้ำในระยะตัวอ่อน และยังมีความสำคัญและประโยชน์ในด้านต่างๆ อีกมากมาย ทั้งในด้านป่าไม้ ด้านประมงและด้านอื่นๆอีก สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นประโยชน์ที่มนุษย์ได้รับจากป่าชายเลน
ดังนั้น หากป่าชายเลนถูกทำลายจนกระทั่งถึงจุดวิกฤตย่อมเป็นปัญหาที่ร้ายแรงอย่างแน่นอน จากความสำคัญและปัญหาต่างๆ ของป่าชายเลนที่กล่าวมาขั้นต้นทางมหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณีจันทบุรี หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตร์ได้เล็งเห็นความสำคัญในการอนุรักษ์ป่าชายเลน จึงจัดทำโครงการปลูกจิตสำนึกเยาวชน รักษ์ป่าชายเลนขึ้น เพื่อปลูกจิตสำนึกของเยาวชนให้รู้คุณค่าและเห็นความสำคัญของป่าชายเลนโดยเน้นไปที่กลุ่มเยาวชนซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศในอนาคต
อีกทั้งยังช่วยกันอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่าเพื่อสนองพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ด้วยการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สอดคล้องกับความรู้ที่ได้ศึกษาและเป็นแนวทางการนำไปปฏิบัติเพื่อนำไปสู่การพัฒนาสังคมสืบต่อไปอีกด้วย