พิจิตร - นักโทษคดียาเสพติดเรือนจำพิจิตรแหกคุก ใช้ผ้าขาวม้ามัดโยนข้ามกำแพง-ลวดหนามติดกระแสไฟฟ้า สูงรวม 9 เมตร แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด ถูกไฟดูดตกพื้นขาเดาะ วิ่งเข้าชุมชนบ้านพักผู้คุมได้เพียงไม่กี่นาทีก็ถูกควบคุมตัวไว้ได้ คาดเหตุจูงใจเกิดจากความคิดถึงเมีย-ลูก ที่เพิ่งมาเยี่ยมในวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา
วันนี้ (16 ก.พ.) นางสุจิตรา เหลืองวัฒนนันท์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดพิจิตร ได้ชี้แจงกรณีนักโทษแหกคุกพิจิตร เป็นเอกสาร ว่า ได้เกิดเหตุดังกล่าวขึ้นจริงภายในเรือนจำจังหวัดพิจิตรซึ่งมีผู้ต้องขังรวมกว่า 930 คน เป็นชาย 756 คน เป็นผู้ต้องขังหญิง 174 คน และกว่า 70% ล้วนเป็นผู้ต้องขังในคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยเมื่อเช้านี้ ได้มีผู้ต้องขังชาย ชื่อนายสาโรจน์ ปานลักษณ์ อายุ 29 ปี เป็นชาวบ้านเกาะลาว ต.คลองคะเชนทร์ อ.เมือง จ.พิจิตร ต้องโทษอยู่ในระหว่างฝากขังในคดีโทษฐาน พ.ร.บ.ยาเสพติด (ยาบ้า) ของกลาง 70 เม็ด ไอซ์ 1 กรัม พ.ร.บ.อาวุธปืน 1 กระบอก ซึ่งคดีอยู่ระหว่างสอบสวน
สำหรับพฤติกรรมของนักโทษชายรายนี้ได้ปีนขึ้นไปบนหลังคาเรือนนอนแดน 3 ซึ่งมีความสูงเสมอกำแพงเรือนจำ และอยู่ห่างกันไม่มากนัก จากนั้นได้ใช้ผ้าขาวม้าที่เตรียมไว้มัดต่อๆกันแล้วโยนข้ามกำแพงเรือนจำ สูง 7 เมตร และมีลวดหนามติดกระแสไฟฟ้าสูงอีก 2 เมตร ที่ทางเรือนจำสร้างไว้เป็นแนวป้องกันการหลบหนีไว้อีกชั้นหนึ่ง แต่นักโทษชายรายนี้ก็หนีได้สำเร็จ ทั้งๆที่มีหอคอยสูง-เวรยามเฝ้าอยู่ตลอดเวลา
ทั้งนี้ คาดว่า เนื่องจากช่วงเช้า เป็นช่วงชุลมุน ผู้คุมเรือนจำต่างต้องตรวจนับผู้ต้องขังและตรวจรับอาหาร สิ่งของ พืชผัก เนื้อหมู เนื้อไก่ จากร้านค้าที่นำมาส่ง อีกทั้งก็ยังต้องนำผู้ต้องหาที่รับฝากขังไว้ไปส่งฟ้องศาลยุติธรรมพิจิตร จึงทำให้นักโทษชายคนดังกล่าวฉวยโอกาสใช้ผ้าขาวม้ามัดก้อนหินโยนไปติดที่ลวดหนาม จากนั้นก็ปีนขึ้นกำแพงแล้วโดดออกจากกำแพงเรือนจำได้สำเร็จ และแม้การโดดจากกำแพงสูงจึงทำให้เกิดขาหัก แต่ก็วิ่งหนีออกไปได้แถวถนนราษฎร์วิถี ที่อยู่หลังเรือนจำ และเป็นชุมชนบ้านพักของผู้คุมเรือนจำพิจิตรได้
ล่าสุด ผู้คุมและเจ้าหน้าที่เรือนจำรวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังปิดล้อมพื้นที่ดังกล่าว เพื่อออกไล่ล่าอย่างกระชั้นชิด และสามารถจับกุมตัวไว้ได้ โดยพบว่า นักโทษรายนี้อยู่ในสภาพสะบักสะบอม เนื่องจากขณะปีนกำแพงเรือนจำหนีได้ถูกไฟฟ้าที่กำแพงตะข่ายลวดหนามช็อตและตกไปยังพื้นจนร่างกายบอบช้ำ ขาเดาะ ตำรวจและผู้คุมจึงนำตัวมาสอบสวน
สำหรับเหตุจูงใจที่ก่อเหตุหลบหนีครั้งนี้ คาดว่า เกิดจากเมื่อวันที่ 14 ก.พ.55 ซึ่งเป็นวันวาเลนไทน์ ที่ผ่านมา ภรรยาของ นายสาโรจน์ ได้มาเยี่ยม จึงทำให้นายสาโรจน์ เกิดความคิดถึงภรรยา และลูกที่ยังเล็ก จึงก่อเหตุหลบหนีออกนอกเขตเรือนจำ แต่ก็ไปได้เพียง 10 นาที เท่านั้นก็ถูกจับนำตัวกลับเข้าเรือนจำอย่างเดิม