สุรินทร์ - “เรือนจำรัตนบุรี” คัดแยกคุมเข้มผู้ต้องขัง และ จนท.เรือนจำ เป็นกลุ่ม “สีขาว-สีเทา” พร้อมป้องกันปราบปรามเชิงลึก เผย ธนาณัติสั่งจ่ายนักโทษ 100 ฉบับ/เดือน ส่วนใหญ่มาจาก จ.สระแก้ว, ฉะเชิงเทรา และ คลองเตย กทม.นำสื่อสำรวจรอบคุกพบจุดโยนยาบ้าอื้อ แฉ แก๊งยาบ้าจ่ายซื้อผู้คุมเรือนจำรายละ 5 หมื่น/เดือน พากันแห่ร่วมแก๊ง ใครไม่ยอมเล่นด้วยถูกย้ายหนีพ้นทาง
วันนี้ (2 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่เรือนจำอำเภอรัตนบุรี อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ พัวพันเครือข่ายค้ายาบ้าในเรือจำอำเภอรัตนบุรี และเชื่อมโยงกับเครือข่ายยาบ้ารายใหญ่ในเรือนจำกลางเขาบิน จ.ราชบุรี ถูกจับกุมดำเนินคดีและไล่ออกจากราชการจำนวน 3 คน และขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผลเอาผิดกับเจ้าหน้าที่เรือนจำและนักโทษที่เกี่ยวข้องเป็นเครือข่ายใหญ่อีกหลายคน พร้อมเพิ่มมาตรการป้องกันอย่างเข้มข้น นั้น
ล่าสุด นายไพศาล สุวรรณรักษา ผู้บัญชาการเรือนจำกลางสุรินทร์รักษาราชการผู้บัญชาการเรือนจำอำเภอรัตนบุรี อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ กล่าวถึงเรื่องดังกล่าว ว่า ขณะนี้ทางเรือนจำอำเภอรัตนบุรี ได้ดำเนินการสกรีนคัดแยกผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่ผู้คุมเรือนจำ ออกเป็นกลุ่มสีขาวและสีเทา โดยเฉพาะผู้ต้องขังที่มีประวัติเกี่ยวข้องกับเครือข่ายยาเสพติดและอยู่ในเป้าหมายจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่เทาที่ต้องถูกจับตาเฝ้าระวังเป็นพิเศษ
ส่วนเจ้าหน้าที่เรือนจำนั้นได้มีการตรวจสอบประวัติในเชิงลึก ทั้งประวัติการทำงาน และนิสัยส่วนตัวว่าใครชอบเที่ยวเตร่และเล่นการพนันต่างๆ และหละหลวมต่อหน้าที่หรือ ก่อนจะแยกออกมาเป็นกลุ่มสีขาวและสีเทา
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ได้มีการโยกย้ายสลับตำแหน่งเจ้าหน้าที่เรือนจำที่ใส่เกียร์ว่าง จากเรือนจำกลางสุรินทร์ ออกไปช่วยราชการที่กรมราชทัณฑ์แล้ว 8 คน ขณะที่เรือนจำรัตนบุรี ย้ายออกมาให้ปฏิบัติหน้าที่เรือนจำกลางสุรินทร์ แล้ว 5 คน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องปรามและกระตุ้นให้เจ้าหน้าที่มีความใส่ใจและรับผิดชอบต่อหน้าที่ และอย่าปล่อยปละละเลยต่อหน้าที่ไม่ว่าโดยตรงหรือทางอ้อม
สำหรับกรณีเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา ตรวจสอบพบมีธนาณัติ ส่งสั่งจ่ายเงินให้กับผู้ต้องขังเรือนจำอำเภอรัตนบุรี คนละ 3,000 บาท ประมาณ 100 ฉบับ/เดือน รวมประมาณ 1 แสนบาท นั้น ส่วนใหญ่ส่ง มาจาก จ.สระแก้ว, จ.ฉะเชิงเทรา และเขตคลองเตย กรุงเทพฯ โดยมีผู้ต้องขังซึ่งอยู่ในเป้าหมายของเรือนจำเป็นผู้รับธนาณัติ แต่อ้างว่าไม่รู้จักผู้ที่ส่งธนาณัติมาให้ และเป็นไปไม่ได้ที่อยู่ดีๆ จะมีคนส่งเงินมาให้โดยที่ไม่รู้จัก ซึ่งตนคาดน่าจะเป็นค่าเปอร์เซ็นต์ในการสั่งซื้อและสามารถขายยาเสพติดได้ของผู้ต้องขังรายนั้นๆ ซึ่งจะมีการตรวจสอบในเชิงลึกต่อไป และธนาณัติบางส่วนได้ส่งกลับ ไปยังต้นทางผู้ที่ส่งมาแล้ว
นายไพศาล กล่าวต่อว่า ส่วนตามมาตรการป้องกันพื้นที่รอบเรือนจำทั้ง 2 แห่ง ทั้งเรือนจำกลางสุรินทร์ และเรือนจำอำเภอรัตนบุรี นั้น ได้มีการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ซึ่ง ผบ.เรือนจำสามารถตรวจสอบติดตามดูแลความเคลื่อนไหวโดยรอบเรือนจำได้ตลอดเวลาไม่ว่าอยู่ที่ไหนสามารถดูภาพทางออนไลน์ผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้
นอกจากนี้ ยังให้มีการติดป้ายบริเวณด้านหน้าเรือนจำให้ญาติผู้ต้องขัง และประชาชนที่เข้ามาเยี่ยมผู้ต้องขังได้ทราบถึงมาตรการและมีส่วนร่วมในการแจ้งเบาะแสยาเสพติด รวมทั้งบุคคลและสิ่งแปลกปลอมนอกเรือนจำที่อาจเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งจะมีรางวัลเงินสดให้กับผู้ที่แจ้งเบาะแส โดยสามารถโทรศัพท์เข้ามาแจ้งโดยตรงได้ที่เบอร์ของตนโดยตรงและจะปิดบังไว้เป็นความลับ
“ส่วนการขอออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายยาเสพติดในเรือนจำอำเภอรัตนบุรีเพิ่มเติมนั้น อยู่ระหว่างขั้นตอนดำเนินการและขอปิดเป็นความลับ คาดว่า จะดำเนินการได้ในเร็วๆ นี้” นายไพศาล กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า วันเดียวกันนี้ (2 ก.พ.) เจ้าหน้าที่เรือนจำอำเภอรัตนบุรี ได้นำผู้สื่อข่าว ตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ เรือนจำอำเภอรัตนบุรี ซึ่งอยู่ติดกับทุ่งนาของชาวบ้านบริเวณด้านข้างและด้านหลังของเรือนจำมีรั้วลวดหนามปิดกั้น แต่รั้วลวดหนามถูกคนแปลกหน้าลักลอบเข้ามาอยู่เป็นประจำ เพื่อลักลอบเข้ามาให้ใกล้เรือนจำมากที่สุด เพื่อโยนยาบ้าเข้าในเรือนจำให้กับนักโทษเครือข่ายค้ายาบ้า ที่มีการนัดแนะกันไว้ ซึ่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เรือนจำรัตนบุรีต้องทำเครื่องหมาย ไว้ตามต้นไม้บริเวณที่มีการลักลอบเข้ามาในพื้นที่ใกล้เรือนจำบ่อยๆเพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบ
พร้อมได้มีมาตรการตรวจสอบสิ่งของที่ญาตินำเข้าไปเยี่ยมนักโทษ อย่างเข้มงวด แม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือของญาติก็ถูกห้ามนำเข้าไปเยี่ยมนักโทษ และสิ่งของที่นำไปเยี่ยมนักโทษต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 3 กิโลกรัม และนักโทษหนึ่งคนญาติเข้าเยี่ยมได้วันละ 1 รอบๆ ละไม่เกิน 5 คน
แหล่งข่าวผู้คุมเรือนจำอำเภอรัตนบุรี เปิดเผยว่า นักโทษคดียาเสพติดรายใหญ่ในเรือนจำอำเภอรัตนบุรี และเป็นเครือข่ายค้ายาบ้าเชื่อมโยงกับนักโทษยาเสพติดที่เรือนจำกลางเขาบิน จ.ราชบุรี นั้น เป็นนักโทษที่ถูกย้ายมาจากเรือนจำกลางคลองเปรม และ เรือนจำเขาพริก อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา เมื่อปี 2551 แล้วได้มาสร้างเครือข่าย ในเรือนจำอำเภอรัตนบุรี และผู้นักโทษกลุ่มนี้ได้เข้าตีสนิทกับผู้คุมเรือนจำ และเสนอผลประโยชน์ให้แบบที่เรียกว่า ให้เงินไปใช้เล่นๆเดือนละ 50,000 บาท
นอกจากนั้น ญาติของนักโทษขาใหญ่ยาบ้าที่ย้ายมาดังกล่าว เมื่อเดินทางมาเยี่ยมนักโทษ ก็จะไปตีสนิทกับผู้คุมเรือนจำ ถึงจั้นเดินทางไปพบที่บ้านพักก็มี เพื่อให้ผู้คุมเข้ามาร่วมงานในการจำหน่ายยาบ้าในเรือนจำ เมื่อผู้คุมเข้าร่วมขบวนการค้ายาบ้าในเรือนจำแล้ว ผู้คุมรายนั้นก็จะพยายาม เกลี้ยกล่อมชักจูง ผู้คุมคนอื่นๆ มาร่วมงานและรับผลประโยชน์ หากผู้คุมรายใดไม่ยอมร่วมมือด้วยก็จะหาทางย้ายจากผู้คุมรายนั้น ออกจากแดนต่างๆ ไปทำหน้าที่อื่น เพื่อให้สะดวก ในการทำงานของขบวนการค้ายาเสพติดในเรือนจำ ทำให้เกิดความแตกแยกในหมู่ข้าราชการในเรือนจำอำเภอรัตนบุรี เป็นอย่างมากมาถึงปัจจุบันนี้