ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ตร.ภาค 3 ขยายผลรวบเครือข่ายแก๊งยาบ้าในเรือนจำ “รัตนบุรี-เขาบิน” ของ “ไอ้ปากดำ” ได้ผู้ต้องหา 2 ราย ทำหน้าที่ดูแลบริหารจัดการเส้นทางการเงินจากการค้ายาบ้า รับสารภาพดูแลบัญชีธนาคารค้ายาบ้าคนเดียว 14 เล่ม มีเงินหมุนเวียน 37 ล้าน โดยมีเครือข่ายโอนเงินเข้าบัญชีกว่า 100 ราย แต่ต้องโอนจ่ายให้รายใหญ่ที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย
วันนี้ (15 ก.พ.) เมื่อเวลา 12.30 น.ที่ห้องประชุมชั้น 2 กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) พร้อม พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) และ พล.ต.ต.กรกต สาริยา รองผบช.ภ.3 ร่วมกันแถลงข่าวการขยายผลจับกุมเครือข่ายยาบ้าในเรือนจำกลางเขาบิน จ.ราชบุรี ได้ผู้ต้องหารวม 2 ราย
ประกอบด้วย นายบอลล์ ศิริชัย อายุ 25 ปี ชาว อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี และ น.ส.โกมล อรทัย อายุ 28 ปี ชาว อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ พร้อมของกลางเป็นเงินสดรวม 1.4 แสนบาท สมุดบัญชี 14 บัญชีรวมเงินหมุนเวียน 37 ล้านบาท, โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการขยายผลการจับกุมเครือข่ายผู้ต้องขังเรือนจำอำเภอรัตนบุรี ของ นักโทษชาย (นช.) ภาณุวัฒน์ หรือ เหม่ง ศิริชัย ได้ฉายาว่า “ไอ้ปากดำ” ที่ย้ายมาจากเรือนจำกลางเขาบิน จ.ราชบุรี จนนำไปสู่เข้าตรวจค้นเรือนจำรัตนบุรี เมื่อเดือน ก.ย.2554 และขยายผลจับกุมผู้คุมเรือนจำอำเภอรัตนบุรีได้ 3 คน เมื่อเดือน ม.ค.2555
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของเครือข่ายยาบ้าในเรือนจำดังกล่าว พบผู้ร่วมเครือข่ายอีก 2 ราย คือ นายบอลล์ ซึ่งเป็นญาติกับ นช.ภาณุวัฒน์ และ น.ส.โกมล ภรรยา นช.สรายุทธ สินชัยยา ผู้ต้องขังในเรือนจำกลางสุรินทร์ ซึ่งเป็นเครือข่ายยาบ้าของ นช.ภาณุวัฒน์ หรือ “ไอ้ปากดำ” และมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน
นายบอลล์ ศิริชัย ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่า เป็นเครือข่ายยาเสพติดของ นช.ภาณุวัฒน์ หรือ “ไอ้ปากดำ” จริง โดยดูแลเรื่องเส้นทางการเงินในการค้ายาเสพติด ซึ่งได้เปิดบัญชีทั้งชื่อตัวเองและคนอื่นไว้รวม 14 บัญชี เพื่อให้เครือข่ายโอนเงินเข้ามาซึ่งมีลูกค้าที่อยู่ในเครือข่ายกว่า 100 ราย
จากนั้นตนก็มีหน้าที่ในการโอนเงินที่ได้ไปยังบัญชีเครือข่ายตามที่ได้รับการสั่งการจาก นช. ภาณุวัฒน์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสาขาธนาคารใน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยได้ค่าจ้างในการโอนแต่ละครั้ง 2,000 บาท มีรายได้ต่อเดือนประมาณ 20,000 บาท ซึ่งทำมานานกว่า 1 ปีแล้วมีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 37 ล้านบาท และมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับได้ที่ห้องพักในกรุงเทพฯ ดังกล่าว
ด้าน น.ส.โกมล อรทัย ภรรยา นช.สรายุทธ รับสารภาพว่า ทำหน้าที่ดูแลเส้นทางการเงินให้กับ นช.สรายุทธ โดยจะมีลูกค้ารายย่อยในเครือข่ายโอนเงินค่ายาบ้าเข้ามาให้ทุกเดือน ซึ่งลูกค้าที่เป็นเครือข่ายจะเป็นเครือข่ายเดียวกัน นช.ภาณุวัฒน์ ที่รู้จักกับสามีของตัวเอง
พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้ถือเป็นการขยายผลจากผู้ต้องขังในเรือนจำอำเภอรัตนบุรี ซึ่งจะเห็นได้ว่า แม้ไม่มียาบ้าอยู่ในมือแต่มีพฤติกรรมร่วมขบวนการก็ถือว่ามีความผิดเช่นกัน ที่สำคัญหากเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจะต้องได้รับโทษหนักกว่าประชาชนทั่วไปถึง 3 เท่า ซึ่งวันนี้ (15 ก.พ.) ได้เน้นย้ำกับตำรวจภูธรภาค 3 ให้เพิ่มมาตรการคุมเข้มยาเสพติดโดยการจัดตรวจสกัดในพื้นที่รับผิดชอบ 8 จังหวัดอีสานตอนล่างรวม 85 จุด ในจำนวนนี้ มี 15 จุดสำคัญบน 7 เส้นทางสายหลัก เน้นจังหวัดตามแนวชายแดน ทั้ง จ.อุบลราชธานี และ จ.อำนาจเจริญ เพื่อเร่งปราบปรามยาเสพติดให้หมดไปตามนโยบายรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ