เชียงราย - จังหวัดเชียงราย เรียกประชุมด่วนหน่วยความมั่นคง เตรียมป้องกันเหตุวินาศกรรม หลังบึ้ม กทม.3 จุด ล่าสุด สั่งตั้ง ฉก.ต่อต้านก่อการร้ายสากลแล้ว พร้อมเช็กข้อมูลคนต่างชาติในพื้นที่ละเอียดยิบ เน้นเขตเมือง-แม่สาย ขณะที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เพิ่มระดับตรวจเข้ม 100% แต่ทุกหน่วย ยันถึงขณะนี้ยังไม่พบข่าวก่อเหตุ
วันนี้ (15 ก.พ.) นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ได้เรียกประชุมด่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงเพื่อวางมาตรการรองรับการก่อวินาศกรรม หลังจาก จ.เชียงราย ถูกระบุว่า เป็นหนึ่งในจังหวัดเป้าหมายที่อาจมีการก่อวินาศกรรมอีก หลังจากเกิดขึ้นที่กรุงเทพฯ แล้วเมื่อวันที่ 14 ก.พ.55 ที่ผ่านมา โดยมีตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ทั้งจังหวัดทหารบกเชียงราย, ฉก.ม.3, กองกำลังผาเมือง, ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.), ตำรวจท่องเที่ยว, ฝ่ายปกครอง ฯลฯ
นายธานินทร์ กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติให้ตั้งศูนย์เฉพาะกิจต่อต้านการก่อการร้ายสากล โดยใช้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) เป็นศูนย์และให้ทุกหน่วยจัดตั้งศูนย์ของหน่วยงานภายใน จากนั้นกำหนดให้ส่งไปยังศูนย์เพื่อสรุปผลในภาวะปกติเวลา 15.00 น.ของทุกวันจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ และแจ้งให้ทุกหน่วยเร่งหาข่าว โดยเฉพาะด้านตัวบุคคลที่เป็นกลุ่มเสี่ยงโดยเฉพาะข้อมูลจากตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตระเวนชายแดน ชุดสืบสวนตำรวจภูธร ฯลฯ เพื่อจะได้ให้ทุกหน่วยเฝ้าติดตาม รวมทั้งจัดวางกำลังตามพื้นที่เสี่ยงต่างๆ ด้วย
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวอีกว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พอทราบข้อมูลด้านบุคคลบ้างแล้วโดยพบมีกลุ่มชาวต่างชาติเป้าหมายอยู่มากในเขต อ.เมือง และ อ.แม่สาย ซึ่งก็จะสืบหาข่าวเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย รวมทั้งสั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้สืบหาข่าวบุคคลภายในพื้นที่ว่าเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ ซึ่งมีพฤติกรรมเป็นกลุ่มเสี่ยงด้วย เพราะเชียงรายมีคนหลากหลายชาติพันธุ์
นายธานินทร์ กล่าวอีกว่า จังหวัดจะนำแผนเดิมที่เคยใช้รองรับการก่อวินาศกรรมเชิงสัญลักษณ์ที่มีตั้งแต่ปี 2554 โดยจะรวบรวมข้อมูลด้านตัวบุคคลและการข่าวเรื่องสถานที่ที่อาจเป็นเป้าหมายในการก่อเหตุเชิงสัญลักษณ์ดังกล่าว รวมทั้งจัดวางมาตรการป้องกันระวังเหตุเอาไว้ให้เข้มข้น ทั้งเรื่องด่านตรวจต่างๆ ซึ่งมีปกติอยู่แล้ว แต่จะมีการเพิ่มการรักษาความปลอดภัยสถานที่สำคัญต่างๆ เพิ่มขึ้น
เบื้องต้นได้รับแจ้งจากท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ต.บ้านดู่ อ.เมือง ว่า ได้เพิ่มมาตรการเข้มงวดเต็มที่ 100% แล้ว ด้านฝ่ายทหารทาง พล.ท.วรรณทิพย์ ว่องไว แม่ทัพภาคที่ 3 ได้สั่งการให้มีการสำรวจช่องทางเข้าออกชายแดนที่ไม่ปกติต่างๆ เพื่อพิจารณาว่า จะปิดจุดดังกล่าวหรือไม่ และหากเกิดเหตุการณ์รุนแรง ตนในฐานะตัวแทนจังหวัดก็สามารถเสนอไปยังแม่ทัพเพื่อปิดได้เช่นกัน
ด้าน พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ โทปุญญานนท์ รักษาการ ผบก.ภ.เชียงราย กล่าวว่า มีการนำแผนเผชิญเหตุและแผนต่อต้านการก่อการร้ายสากลเดิมมาปรับใช้ โดยมี 4 ขั้นตอนคือ การดำเนินการก่อนการเกิดเหตุเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุ ทั้งด้านการข่าว เตรียมเจ้าหน้าที่ อุปกรณ์ ฯลฯ โดยเฉพาะกล้องวงจรปิดที่มีทั้งภาครัฐและเอกชนตามจุดต่างๆ ต้องพร้อมใช้งานในช่วงนี้ เพราะกรณีที่เกิดขึ้นที่กรุงเทพฯ ก็คลี่คลายคดีได้ด้วยกล้องดังกล่าวโดยเฉพาะตามจุดชายแดน
นอกจากนี้ ยังมีขั้นตอนปราบปราม ขั้นตอนคลี่คลายคดี และขั้นตอนฟื้นฟู กรณีที่ได้เกิดเหตุรุนแรงขึ้นแล้ว ซึ่งได้แจ้งให้ทุก สภ.ดำเนินการ โดยมีศูนย์ของจังหวัดรองรับแล้ว
ทั้งนี้ พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยันว่า จนถึงขณะนี้ ยังไม่พบการข่าวว่าจะมีการก่อเหตุใน จ.เชียงราย แต่อย่างใด
ด้านฝ่ายทหารก็ระบุเช่นกันว่า ยังไม่มีการข่าวเรื่องการก่อเหตุในพื้นที่ จ.เชียงราย โดย พ.อ.ธำรงค์ ถาวร รองผู้บังคับการจังหวัดทหารบกเชียงราย บอกว่า ทหารได้หาข่าวเช่นกัน แต่ยังไม่มีข่าวการก่อเหตุ แต่ก็พร้อมสนับสนุนเพื่อรักษาความปลอดภัยและเผชิญเหตุแล้ว
ขณะที่ ฉก.ม.3 กองกำลังผาเมือง ได้รับคำสั่งให้สำรวจจุดเข้าออกชายแดนทุกจุด แต่มีปัญหาเรื่องพรมแดนที่กว้างและไกล โดยเฉพาะทางบกติดกับประเทศพม่า และทางแม่น้ำโขง ติดกับ สปป.ลาว ทำให้ทหารเร่งติดตั้งรั้วลวดหนาวตามจุดต่างๆ เพื่อรองรับกรณีกำลังพลดูแลไม่ทั่วถึงแล้ว
ส่วนทางฝ่ายตำรวจโดย พ.ต.อ.ธรรมศักดิ์ ปิ่นทอง ผกก.สส.ภ.เชียงราย เสนอให้มีการรักษาความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้นตามโรงไฟฟ้า สถานีวิทยุ ฯลฯ และประสานข้อมูลบุคคลต่างชาติที่อาศัยในพื้นที่โดยเฉพาะกับตำรวจท่องเที่ยว
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยังระบุว่า ในส่วนของกล้องวงจรปิดที่มีความสำคัญกรณีเกิดเหตุนั้น พบว่า ยังมีปัญหาเรื่ององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามชายแดน เช่น อ.แม่สาย ฯลฯ ยังไม่มีการติดตั้งให้ครบทุกจุดตามที่ได้ประสานกันก่อนหน้านี้ จึงขอให้ทางจังหวัดประสานไปยังท้องถิ่น ซึ่งอยู่ในสายงานโดยตรงเพื่อให้เร่งติดตั้งโดยเร็ว
พ.ต.อ.มงคล สัมภาวะผล ผกก.สภ.เมืองเชียงราย กล่าวว่า จะมีการเพิ่มสายตรวจเดินเท้า และจราจรในช่วงเวลากลางคืนมากขึ้นอีก เพื่อดูแลตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ เช่น ไนท์บาซ่าร์ วัดร่องขุ่น หอนาฬิกา ฯลฯ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะต่างชาติพลุกพล่าน รวมทั้งสืบหาข่าวตามสาถนที่สำคัญ เช่น สถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ห้องพักต่างๆ ฯลฯ