ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ภาคีเครือข่ายควบคุมยาสูบ-เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภาคเหนือ ร่วมประชุมที่เชียงใหม่ ตั้งเป้าเพิ่มประสิทธิภาพควบคุมการดื่มเหล้า-สูบบุหรี่ รองอธิบดีเผย “พิษณุโลก” เตรียมนำร่อง “เมืองปลอดบุหรี่” ส่วนกระทรวงฯ เตรียมขยายป้ายประกาศเตือนเป็น 55% ของซองบุหรี่ ด้าน ผอ.สำนักควบคุมการบริโภคยาสูบเผยเล็งเอาอย่างออสเตรเลียทำซองบุหรี่ไร้สี
วันนี้ (2 ก.พ.) ที่โรงแรมเชียงใหม่แกรนด์วิว จ.เชียงใหม่ กรมควบคุมโรค โดยสำนักควบคุมการบริโภคยาสูบ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10 เชียงใหม่ จัดการประชุมพัฒนาศักยภาพและเสริมสร้างความร่วมมือของภาคีเครือข่ายในการดำเนินงานควบคุมการบริโภคยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบบูรณาการในระดับพื้นที่ ครั้งที่ 1 ขึ้น ในระหว่างวันที่ 2-3 ก.พ.55
โดยมีตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ ซึ่งประกอบด้วย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สำนักงานป้องกันควบคุมโรค ตำรวจภูธรภาค ตำรวจภูธรจังหวัด สรรพสามิตพื้นที่ สำนักงานท้องถิ่นจังหวัด องค์การบริหารส่วนจังหวัด ศูนย์ปฏิบัติการอาชีวศึกษาจังหวัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เครือข่ายองค์กรงดเหล้า ชมรมผู้ประกอบการร้านอาหาร และชมรมผู้ประกอบการโรงแรม รวมทั้งสิ้น 150 คนเข้าร่วม
การจัดประชุมในครั้งนี้ซึ่งถือเป็นครั้งแรก ตามเป้าหมายที่จะดำเนินการรวมทั้งสิ้น 4 ครั้ง ใน 4 ภูมิภาคนั้น มีขึ้นเพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ รวมไปถึงสร้างความร่วมมือระหว่างกันของสมาชิกในภาคีเครือข่ายในการควบคุมยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับพื้นที่ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนในเรื่องการควบคุมยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระดับประเทศต่อไป
นายแพทย์ นพพร ชื่นกลิ่น รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้กลายเป็นต้นเหตุสำคัญของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร รวมไปถึงปัญหาทางด้านสุขภาพอีกหลายประการ ซึ่งแม้ในปัจจุบันจะมีความพยายามควบคุมปริมาณการบริโภคยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในหลายวิธีการ ไม่ว่าจะเป็นการออกข้อกฎหมายต่างๆ เพื่อควบคุมการจำหน่ายหรือการโฆษณา
แต่ปริมาณผู้ที่สูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปัจจุบันที่พบว่าตัวเลขของผู้ที่เริ่มสูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ลดต่ำลงเรื่อยๆ ประกอบกับการที่ผู้ประกอบการในธุรกิจยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างหาสวิธีการต่างๆ เพื่อจูงใจให้เกิดผู้บริโภคหน้าใหม่
ดังนั้น ภาคีเครือข่ายจึงจำเป็นที่จะต้องเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกัน รวมทั้งสร้างความเข้าใจต่อแนวทางการดำเนินงาน เพื่อให้การควบคุมการบริโภคยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สามารถดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาข้อกฎหมายให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน การทำความเข้าใจต่อข้อกฎหมายต่างๆ เพื่อให้เกิดการสอดส่องดูแลและบังคับใข้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
รวมไปถึงการสร้างความตระหนักต่อพิษภัยและผลกระทบจากยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของประชาชนในพื้นที่ และสร้างการมีส่วนร่วม เพื่อให้เกิดแรงสนับสนุนในการควบคุมดูแลการบริโภคยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างต่อเนื่อง
รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันหลายจังหวัดได้เตรียมที่จะดำเนินการควบคุมดูแลในเรื่องของการบริโภคยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างจริงจังมากยิ่งขึ้น โดยในขณะนี้ จ.พิษณุโลกเป็นจังหวัดแรกที่เตรียมจะดำเนินการควบคุมยาสูบอย่างเข้มข้น เพื่อให้เป็นจังหวัดปลอดบุหรี่ โดยจะมีการดูแลให้เกิดการปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับยาสูบอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นการจัดจำหน่าย หรือการจัดสรรพื้นที่เฉพาะสำหรับผู้สูบบุหรี่ และการห้ามสูบบุหรี่ในสถานที่สาธารณะ
นอกจากนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุขยังเตรียมที่จะดำเนินการขยายประกาศแผ่นป้ายคำเตือนที่ติดบนฉลากซองบุหรี่ จากเดิมที่ในปัจจุบันต้องมีพื้นที่ร้อยละ 50 ของซองบุหรี่ เพิ่มเป็นร้อยละ 55 ซึ่งเรื่องดังกล่าวขณะนี้ได้เตรียมเสนอให้รัฐมนตรีว่าการรับทราบและลงนามเพื่อออกเป็นประกาศของกระทรวงสาธารณสุขแล้ว
ด้าน นายแพทย์ ชูฤทธิ์ เต็งไตรสรณ์ ผู้อำนวยการสำนักควบคุมการบริโภคยาสูบ กล่าวว่า สำนักควบคุมการบริโภคยาสูบกำลังติดตามความคืบหน้าในกรณีที่บริษัทผู้ผลิตบุหรี่ได้ทำการฟ้องร้องรัฐบาลออสเตรเลีย หลังจากที่ออสเตรเลียได้ประกาศให้บุหรี่ที่จำหน่ายในประเทศต้องจัดทำบรรจุภัณฑ์ในรูปแบบ Plain Packaging ซึ่งจะไม่อนุญาตให้มีการใช้สีสันใดๆ บนบรรจุภัณฑ์ เว้นแต่สีน้ำตาลของซองบุหรี่ เนื่องจากผลการศึกษา พบว่า การทำบรรจุภัณฑ์ในลักษณะดังกล่าวจะช่วยลดแรงจูงใจในการสูบบุหรี่ได้เป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ประกาศดังกล่าวได้รับการคัดค้านจากบริษัทผู้ผลิตบุหรี่อย่างหนักและมีการห้องร้องเป็นคดีความกันอยู่ ซึ่งในขณะนี้หลายๆ ประเทศได้ติดตามสถานการณ์ของเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพราะหากรัฐบาลออสเตรเลียเป็นฝ่ายชนะคดี ก็มีความเป็นไปได้สูงที่หลายๆ ประเทศ รวมทั้งประเทศไทยจะพิจารณานำแนวทางดังกล่าวมาใช้กับการควบคุมยาสูบภายในประเทศในอนาคต