ฉะเชิงเทรา-ผู้ขับขี่รถสามล้อแปดริ้ว โอดครวญ หลังรัฐบาล "ยิ่งลักษณ์"ปรับราคาแอลพีจีขึ้น ส่งผลกระทบต่อรายได้ เผยราคาก๊าซที่ขยับขึ้นระลอกแรกยังปรับค่าโดยสารไม่ได้ หวั่นชาวบ้านเมินใช้บริการ
วันนี้( 31 ม.ค. ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลได้เริ่มปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีขึ้น จากราคาเดิมลิตรละ 40 สตางค์โดยในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทราราคาก๊าซเกือบทุกปั๊มในพื้นที่จำหน่ายอยู่ที่ราคาลิตรละ 11.29 บาทขึ้นมาเป็น 11.70 บาท หรือขึ้นมา 41 สตางค์ต่อลิตร (82สตางค์ต่อกิโลกรัม)และยังจะมีการขยับราคาปรับขึ้นไปอีกอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี
ผู้ประกอบอาชีพขับรถสามล้อรับจ้างแบบหาเช้ากินค่ำหลายรายต่างพากันบ่นเป็นเสียงเดียวกันต่อต้นทุนด้านพลังงานเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นปัจจัยในด้านการประกอบอาชีพที่มีราคาสูงขึ้น
นายจตุพร สิงหรัตน์ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/150/18 ม.1 ต.ท่าไข่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ผู้ประกอบอาชีพขับรถสามล้อรับจ้างบริเวณด้านหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในเขตตัวเมืองฉะเชิงเทรา กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลปล่อยให้ปตท.ปรับขึ้นราคาก๊าซในระยะแรกไปแล้วนั้นยังไม่ส่งผลกระทบอะไรมากนัก เนื่องจากเพิ่งจะขยับราคาจากเดิมไปเพียง 41 สตางค์ แต่ในระยาวหากจะขยับขึ้นไปอีกตลอดทั้งปีนั้น ต้องส่งผลกระทบต่ออาชีพ และความเป็นอยู่ของผู้ประกอบอาชีพขับรถสามล้ออย่างแน่นอน เพราะหากต้นทุนในการประกอบอาชีพสูงขึ้นแต่ยังไม่สามารถปรับราคาค่าโดยสารขึ้นตามไปด้วยได้ และหากรีบปรับราคาค่าโดยสารตามราคาก๊าซก็จะยิ่งทำให้ประชาชนผู้มาใช้บริการเดือดร้อนหรือลูกค้าอาจหนีหายไม่ยอมมาใช้บริการรถสามล้อรับจ้างหรืออาจถูกลูกค้าบางรายต่อว่าด้วย
ขณะนี้ ยังคิดราคาค่าโดยสารตามเดิมในราคาเก่าไปก่อน ซึ่งใช้เป็นราคามาตรฐานเดียวกันตามที่ขึ้นป้ายไว้ทั้งคิวมานานกว่า 4 ปีแล้ว และยังไม่รู้ว่าในอนาคตนั้นจะสามารถปรับราคาขึ้นอีกได้เมื่อใด เพราะพวกเราเป็นเพียงผู้ประกอบการรายเล็กๆหรือเป็นผู้ให้บริการแบบรายย่อยไม่มีสิทธิ์ไปเรียกร้องอะไรจากรัฐบาลได้เหมือนกับพวกกลุ่มแท็กซี่ เพราะเขามีกลุ่มมีก้อนมีมวลชนมากจึงมีเสียงเรียกร้องดังออกไปไกลถึงหูของรัฐบาลได้
นายสมพร ทิพย์ศรี อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 102/2ถ.มหาจักพรรดิ์ ต.หน้าเมือง อ.เมืองฉะเชิงเทรา ผู้ประกอบอาชีพขับรถสามล้อรับจ้างเช่นเดียวกัน กล่าวว่า ขณะนี้เริ่มได้รับผลกระทบแล้ว เพราะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น แต่มีรายได้น้อยลงแต่ก็ยังต้องทนสู้ต่อไป เพราะไม่รู้ว่าจะไปประกอบอาชีพอะไรทดแทนและก็ยังคงต้องใช้ก๊าซ แอลพีจีเหมือนเดิม เนื่องจากไม่มีพลังงานทางเลือกอื่นสำหรับรถสามล้อรับจ้าง จึงวอนขอความเห็นใจจากผู้บริหารประเทศว่าอย่าพยายามที่จะขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีอีกเลยเพราะอาชีพรถสามล้อรับจ้างมีรายได้น้อย
ทั้งนี้ หากการขึ้นราคาก๊าซครั้งนี้ ปรับขึ้นไปมากกว่าราคาเดิมตามที่รัฐบาล และปตท.มีแผนไว้พวกเราก็แย่ และยังไม่แน่ใจว่าในอนาคตเราจะอยู่กันได้อย่างไรหากเราจะปรับราคาค่าโดยสารขึ้นตามไปก็ยังไม่แน่ใจว่าจะมีผู้มาใช้บริการหรือไม่แต่หากรายได้ลดน้อยลงมาก ก็จำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นราคาในการให้บริการ ซึ่งหากชาวบ้านทนราคาที่สูงขึ้นไม่ไหวและไม่มาใช้บริการพวกเราก็จะยิ่งแย่เหมือนถูกซ้ำเติมหนักกว่าเก่าอีก
นายสมพร กล่าวต่อไปว่า ขณะที่รายได้ในแต่ละวันที่ต้องนำกลับไปเลี้ยงครอบครัว โดยหักค่าใช้จ่ายแล้ว เหลือเพียงวันละ 200 ถึง 300 บาทเท่านั้น ซึ่งรายได้ที่ได้มานั้นเพียงแค่พอกินพอใช้ไปวันๆเท่านั้น แต่ไม่มีเหลือเก็บ ทั้งที่ตนไม่ได้มีภาระที่จะต้องส่งเสียหรือเลี้ยงดูลูกหลานเหมือนกับเพื่อนร่วมคิวสามล้อคนอื่นๆที่เขายังมีภาระมาก และลำบากกว่าเรา ซึ่งในอนาคตก็จะยิ่งลำบากมากกว่าเก่าอีก
ด้านนายเสริม ขันทอง อายุ 50 ปี อยู่บ้านเช่าไม่มีเลขที่ ภายในซอยโรงเรียนเทคโนโลยีปัญจะ ถ.มหาจักพรรดิ์ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทราผู้ประกอบอาชีพขับรถสามล้อรับจ้าง กล่าวว่า ปกติตนขับรถสามล้อรับส่งผู้โดยสารทั่วไปนั้นจะมีรายได้ที่ยังไม่หักค่าใช้จ่ายประมาณ 400 บาท แต่เมื่อหักค่าก๊าซแอลพีจี ซึ่งต้องเติมทุกวันอย่างน้อยวันละ 100 บาทและค่าน้ำมันออโต้ลูปหล่อลื่นลูกสูบเครื่องยนต์แล้วจะเหลือรายได้เพียงวันละ200 กว่าบาทเท่านั้น ซึ่งยังไม่รวมค่าสึกหลอของเครื่องยนต์และตัวรถและค่าซ่อมบำรุงรักษา รายได้ขณะนี้จึงแค่พอเลี้ยงปากท้องไปวันๆ เท่านั้น
เมื่อเกิดปัญหาจำเป็นต้องใช้เงิน หรือรถเสียในแต่ละครั้งจะต้องไปหากู้เงิน โดยทุกวันนี้คนขับรถสามล้อทุกคนล้วนแต่เป็นผู้ที่อยู่ในฐานะยากลำบากที่มีหนี้สินล้นพ้นตัวกันทั้งสิ้น จึงอยากวิงวอนขอร้องผ่านไปยังผู้บริหารประเทศ อย่าให้แก๊สขึ้นราคาเลย ขอให้อยู่ในราคาเท่าเดิมในปัจจุบันก็พอ แค่นี้ก็ทำมาหากินกันลำบากมากแล้ว