อุบลราชธานี - ผู้ใช้รถทั้งรถยนต์ส่วนตัวและรถแท๊กซี่โวยรัฐบาลปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีซ้ำเติมภาวะค่าครองชีพ ต้องตัดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนมาซื้อพลังงานเดินทางไปทำงาน ด้านคนขับแท็กซี่ระบุราคาก๊าซสูงขึ้น ต้องขอปรับค่าโดยสารเพื่อความอยู่รอด แนะรัฐควรควบคุมราคาก๊าซไว้ดีกว่าเพื่อไม่ให้สินค้าแพงขึ้น
ที่ จ.อุบลราชธานี หลังรัฐบาลประกาศลอยตัวก๊าซแอลพีจี ให้เป็นไปตามกฏไกการตลาดทำให้ตามสถานีบริการก๊าซแอลพีจีเริ่มปรับราคาขึ้นอีกกิโลกรัมละ 40 สตางค์จากเดิมกิโลกรัมละ 12.39 บาท เป็น 12.79-12.80 บาท โดยไม่ขึ้นราคาขายตามที่รัฐประกาศให้ขึ้นได้ถึงกิโลกรัมละ 50 สตางค์ เพราะต้องการสร้างกลยุทธ์ดึงลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการมากขึ้นจึงลดค่าก๊าซลงประมาณ 10 สตางค์ต่อกิโลกรัม
นายปฐวี (ขอสงวนนามสกุล) อาชีพรับราชการ กล่าวว่า ราคาก๊าซที่แพงขึ้นส่งผลกระทบต่อการใช้พลังงานเดินทางไปทำงานที่ต้องเดินทางไปกลับวันละกว่า 100 กิโลเมตร ซึ่งต้องปรับตัวโดยไปลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเพื่อแบ่งมาใช้เติมก๊าซไปทำงาน เพราะปัจจุบันน้ำมันก็มีราคาแพงจึงไม่มีทางเลือกอื่น หากเป็นไปได้อยากให้รัฐตรึงราคาก๊าซแอลพีจีต่อไปเพื่อลดผลกระทบกับผู้ใช้รถที่มีรายได้น้อย
ด้าน นายยุทธไกร หอมสิน คนขับรถแท็กซี่ กล่าวว่า เดิมเคยเติมก๊าซใช้วิ่งรับส่งผู้โดยสารวันละ 400 บาทก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นอีกวันละเกือบ 100 บาท ส่วนราคาค่าโดยสารขณะนี้ยังไม่ปรับขึ้นจากจุดเริ่มต้นที่ 30 บาท กิโลเมตรต่อไป 5 บาท เพราะสำนักงานขนส่งยังไม่อนุญาตให้ปรับขึ้นราคาค่าโดยสาร
“แต่ถ้าก๊าซแพงขึ้นเรื่อยๆ ทุกเดือนคงต้องออกมาเรียกร้องให้มีการปรับขึ้นราคาค่าโดยสารเพื่อให้คนขับแท็กซี่ประกอบอาชีพต่อไปได้ แต่ก็จะส่งผลกระทบกับประชาชนที่ใช้บริการ จึงเห็นว่ารัฐควรตรึงราคาก๊าซแอลพีจี ไว้ดีกว่าเพราะปัจจุบันสินค้าก็มีราคาแพงอยู่แล้ว”