ผู้นำฝ่ายค้านแนะ “ปู” ใช้เวทีโลกเปิดแผนฟื้นฟูไทยสร้างความเชื่อมั่น จี้ รมว.พลังงานรับผิดชอบภาระประชาชน อัดอย่าถือประโยชน์ ปตท.สำคัญกว่าชาวบ้านหวังทบทวนนโยบายพลังงาน ย้ำรัฐบาลรวบรัดออก พ.ร.ก.4 ฉบับ ขัดรัฐธรรมนูญ
วันนี้ (26 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปประชุม World Economic Forum ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ว่าอยากเห็นการพูดถึงแผนในการฟื้นฟูไทยเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในสายตาชาวโลก เพราะการสร้างความเชื่อมั่นไม่ใช่การวาดฝันตัวเลขว่าจะทุ่มเงินลงทุนแก้ปัญหาเท่าไร แต่ที่สำคัญคือต้องทำให้ชาวโลกเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นกับประเทศขณะนี้ที่เกิดจากหลายปัจจัย ทั้งธรรมชาติและการจัดการ อยู่ที่เราจะปรับปรุงและแก้ปัญหาอย่างไร และแม้ว่าในที่ประชุมดังกล่าวจะไม่มีการกล่าวสุนทรพจน์ แต่ในเวทีดังกล่าวมีตัวแทนของทุกภาคส่วนเข้าร่วม ดังนั้นจึงควรแสวงหาโอกาสในการพบปะเพื่อสร้างความมั่นใจ แต่ตนไม่ทราบว่าในเรื่องจำเป็นเช่นนี้ได้มีการเตรียมการมากน้อยเพียงใด
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การทำงานของรัฐบาลที่ผ่านมายังไม่มีแผนที่ชัดเจนและการจัดลำดับความสำคัญในการยอมรับปัญหา แต่กลับให้น้ำหนักในเรื่องของเงินมากเกินไป ซึ่งทำให้คนที่มารับผิดชอบงานเรื่องน้ำท่วม ดูจะก้าวล่วงไปเรื่องอื่นมากจนเกินไป เช่น การพยายามดูว่าให้รัฐบาลมีเงินนอกงบประมาณมาใช้เยอะๆ หรือการปรับแต่งบัญชีโอนหนี้มากกว่า การให้ความสำคัญในการลงทุน ป้องกันปัญหาน้ำท่วมในอนาคต
เมื่อถามถึงท่าทีของนายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ที่คอยกำหนดทิศทางเศรษฐกิจ จนรองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจต้องเดินตาม จะทำให้การบริหารประเทศมีปัญหาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เวลานี้จะเป็นปัญหา ตนมั่นใจว่า พ.ร.ก.ที่ตราขึ้นขัดรัฐธรรมนูญซึ่งจะเป็นก้าวที่สะดุดลง และรัฐบาลควรเร่งทบทวนให้ดี อาจจะถอยหรือตั้งหลักกันใหม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผิดสังเกตหรือไม่ ที่มีการทูลเกล้าฯ ร่าง พ.ร.ก.ทั้ง 4 ฉบับไปนานแล้ว แต่กลับยังไม่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ก็ติดตามอยู่ ว่าเมื่อไหร่จะมีการประกาศ ซึ่งตนไม่ทราบขั้นตอนภายใน ส่วนกรณีที่ รมว.พลังงานระบุว่าจะมีการทบทวนพลังงานนั้น ตนหวังว่าจะทบทวนจริงๆ และขอให้เอาหลักความมั่นคงด้านพลังงานและความเป็นธรรมต่อประชาชนผู้ใช้พลังงานเป็นอันดับแรก เพราะกระเป๋าประชาชนต้องสำคัญกว่ากระเป๋า ปตท. มันฟังไม่ขึ้น และที่บอกว่าไม่สามารถหนุนนโยบายตรึงราคาก๊าซเอ็นจีวีได้เพราะขาดทุน 3.8 หมื่นล้านบาท ขณะที่กำไรสะสมอยู่ที่ 5 แสนล้านบาทนั้น ตนอยากให้ รมว.พลังงานไปดูว่าต้นทุนก๊าซที่แท้จริงคืออะไร เช่น ก๊าซแอลพีจี หากใช้หลักวิทยาศาสตร์เรื่องค่าความร้อนและอื่นๆ ไปตรวจสอบจะพบว่า เราไม่ได้ขายในราคาต่ำกว่าต้นทุน และต้องคิดถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจในภาพรวมด้วย เพราะประชาชนแบกรับปัญหาสินค้าแพงอยู่แล้ว จึงอยากให้ลองหลับตานึกภาพว่า หากยังเดินหน้าขึ้นราคาก๊าซหุงต้มในครัวเรือน ต้นทุนจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ดังนั้นจึงไม่ใช่ทางออกเพราะเราสามารถบริหารจัดการให้ดูแลได้ และที่ผ่านมาฐานะของปตท.ก็ไมได้มีปัญหา ทั้งนี้ ตนคิดว่าควรชะลอการขึ้นราคาพลังงานไว้ก่อน เพราะหากมีการขึ้นราคาสินค้าไปแล้ว ไม่เชื่อว่าจะมีการปรับราคาลงกันง่ายๆ
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนเสนอว่าควรจะมีการปรับหลักคิด ไม่ให้มีการซ้ำเติมค่าครองชีพของประชาชน และพลังงาน แต่ละตัวก็มีผลกระทบต่างกัน มีความชอบธรรมที่จะเก็บเงินบางกลุ่มไปช่วยเหลือกระตุ้นในประเด็นอื่นๆ อาทิ พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พลังงานเพื่อการเกษตร เป็นต้น
ส่วนประเด็นการออก พ.ร.ก.ซึ่งรวมไปถึง พ.ร.ก.ประกันภัยนั้น ตนก็อยากให้เร่งให้เสร็จสิ้น แต่ในส่วนของ พ.ร.ก.ทั้ง 4 ฉบับนี้ต้องยอมรับว่ามีความผิดปกติ เพราะมีคนเห็นเนื้อหาและตัวร่างน้อยมาก แม้แต่ฉบับนี้ก็แก้ไม่ตรงจุดและเรื่องประกันภัยก็เป็นเรื่องเร่งด่วน ตนมองว่าหากประเด็นดังกล่าวเป็นร่าง พ.ร.บ.ป่านนี้สภาฯ คงพิจารณาไปแล้ว