ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - แม่ทัพภาคที่ 3 เผย ประสานฝั่งเมียนมาร์ตามตัวคนยิงถล่มตำรวจที่ อ.แม่ฟ้าหลวง แล้ว พร้อมเดินหน้าวางลวดหนาม-เครื่องกีดขวางจุดเสี่ยงรถผ่านตามแนวชายแดน ระบุ คาดการณ์ยาเสพติดจ่อทะลักเข้าประเทศ ระดมทหารตรวจตราเข้มงวด ตั้งแต่ก่อนสิ้นปี พบพ่อค้ายาหันบรรจุยาลงเป้แล้วแบกเดินข้ามฝั่ง-มีกำลังติดอาวุธคุ้มกัน
พล.ท.วรรณทิพย์ ว่องไว แม่ทัพภาคที่ 3 เปิดเผยถึงกรณีกองกำลังติดอาวุธโจมตีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในพื้นที่หมู่บ้านจะลอ หมู่ 10 ตำบลแม่ฟ้าหลวง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เป็นเหตุให้ ร.ต.อ.ศิริวัฒน์ ปริญญา รองสวป.สภ.แม่ฟ้าหลวง ถูกยิงเสียชีวิต และ ด.ต.โยธิน แก้วคำอ้าย ลูกชุดและพลขับถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ว่า จากการสืบสวนพบว่า กลุ่มกองกำลังติดอาวุธชุดนี้น่าจะเป็นกลุ่มลีซอจากประเทศเมียนมาร์ ขณะนี้ได้ประสานกับทางเมียนมาร์ให้ช่วยติดตามตัวแล้ว เนื่องจากผลของการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมีคนของกองกำลังติดอาวุธเสียชีวิตด้วยรวม 2 ราย ซึ่งทางเมียนมาร์ก็ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
พล.ท.วรรณทิพย์ กล่าวว่า ขณะเดียวกัน ได้สั่งการให้กรมทหารม้าที่ 3 เพิ่มมาตรการในการวางลวดหนามและเครื่องกีดขวางในจุดเสี่ยงที่เป็นช่องทางการขนยาเสพติดเข้าสู่ประเทศ หลังจากก่อนหน้านี้ ได้ทำการวางลวดหนาวและเครื่องกีดขวางในจุดที่ยานพาหนะสามารถผ่านเข้ามาในประเทศได้แล้ว ส่วนจุดที่เป็นทางเท้านั้น แม้จะไม่สามารถวางลวดหนาม หรือเครื่องกีดขวาง เนื่องจากกินพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง แต่ก็ได้สั่งการให้เพิ่มความเข้มงวดในการลาดตระเวนมาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งจนถึงขณะนี้กำลังทหารในพื้นที่ยังคงเฝ้าระวังอยู่ตลอดโดยไม่ได้หยุดพัก เนื่องจากกองทัพภาคที่ 3 ได้คาดการณ์ว่า สถานการณ์ยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือจะรุนแรงขึ้น นับตั้งแต่หลังเหตุอุทกภัย เนื่องจากต้องการยาเสพติไปทดแทนส่วนที่เสียหายจากเหตุอุทกภัย ทำให้มียาเสพติดจำนวนมากเตรียมจะนำเข้ามาในประเทศอยู่ตามแนวชายแดน
ทั้งนี้ จากการประเมินสถานการณ์ของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหลังจากเกิดการปะทะกับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ซึ่งมีผู้ค้ายาเสพติดเสียชีวิตและสามารถยึดยาเสพติดจำนวนมากได้นั้น พบว่า กลุ่มผู้ค้ายาเสพติดเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการขนส่งยาเสพติดใหม่ โดยหันกลับมาใช้วิธีการบรรจุยาเสพติดใส่เป้ครั้งละเป็นจำนวนมาก แล้วให้สมาชิกในขบวนการแบกเป้ข้ามจากประเทศเพื่อนบ้านมายังฝั่งไทยโดยมีกองกำลังติดอาวุธคุ้มกัน หลังจากที่การหันไปใช้เส้นทางตามลำน้ำโขง อ้อมไปทาง อ.เชียงของ หรือเข้าสู่ภาคอีสานนั้นถูกสกัดกั้นในบริเวณแม่น้ำโขงอย่างต่อเนื่อง
แม่ทัพภาคที่ 3 ระบุว่า อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่า ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องสามารถรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวได้ เนื่องจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการบูรณาการความร่วมมือกันอย่างต่อเนื่อง โดยนับตั้งแต่รับผิดชอบด้านการปราบปรามยาเสพติด ตนเห็นว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่ทำงานแล้วสบายใจที่สุด เพราะทุกๆ ฝ่ายร่วมมือกันเป็นอย่างดีและมีการประสานงานให้ความช่วยเหลือกันโดยตลอด ดังจะเห็นได้จากการจับกุมยาเสพติดจำนวนมากในพื้นที่ส่วนกลาง ซึ่งการจับกุมแต่ละครั้งไม่ได้มีแค่เฉพาะเจ้าหน้าที่ในส่วนกลางเป็นผู้ดำเนินการเท่านั้น แต่มีการประสานงานกันตั้งแต่ในพื้นที่ชายแดนไปจนถึงส่วนกลาง เป็นผลให้การดำเนินการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ