กาญจนบุรี - อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช นำทีมลงพื้นที่กาญจน์ปฏิบัติการลับ เพื่อทวงคืนลูกช้างป้าที่กาญจนบุรี พบตั๋วรูปพรรณช้างลอย 7 ใบ ปทส.อายัดช้าง 51 ตัวไว้ตรวจสอบ
จากกรณีที่มีเกิดปัญหาช้างป่าในอุทยานแห่งชาติแก่งประจาน จ.เพชรบุรี เสียชีวิตและมีการจับขบวนการลักลอบล่าลูกช้างในพื้นที่ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี จนทำให้ นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้นโยบายแก่หัวหน้าอุทยาน และหัวหน้าหน่วยต่างๆ ให้เข้มงวดในการป้องปราบปรามขบวนการลักลอบล่าช้างในแต่ละพื้นที่
ล่าสุด วันนี้ (25 ม.ค.) เมื่อเวลา 11.45 น.นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และคณะได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์มาลงที่ลานจอด ฮ.กองร้อย ตชด.ที่ 136 (ไทรโยค) ต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ต่อจากนั้น นายดำรง ได้เดินทางเข้าห้องประชุม ตชด.136 โดยมีนายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นายสัตวแพทย์ สามารถ ประสิทธิ์ผล หัวหน้ากลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดกาญจนบุรี นายยุทธชัย ปัทมสนธิ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) และ พ.ต.ท.เอกชัย พุ่มสมบัติ ผบ.ร้อย ตชด.ที่ 136 ร่วมประชุมหารือเพื่อวางแผนปฏิบัติการเข้าตรวจค้นปางช้างในพื้นที่ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
โดย นายยุทธชัย ปัทมสนธิ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) บรรยายสรุปเกี่ยวกับแผนปฏิบัติการว่าทางชุดปฏิบัติการได้ทำการขอหมายค้น ปางช้างในพื้นที่ ต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค จำนวน 2 แห่ง ต่อจากนั้นคณะทั้งหมด เดินทางเข้าตรวจค้น ปางช้างไทรโยค เลขที่ 30/2 หมู่ 3 ต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค เพื่อตรวจค้นของผิดกฎหมาย
โดย นายดำรง พบนายสมศักดิ์ ทองโท อายุ 45 ปี แสดงตัวเป็นผู้จัดการได้นำพาตรวจค้น โดนคณะของอธิบดีกรมอุทยานฯ ได้พบกับ คณะของ พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพรามณกุล รอง ผบช.ก.และ พ.ต.อ.วัชรินทร์ ภูษิต ผกก.5 ปทส.ที่นำกำลังเข้าตรวจค้นในปางช้างนี้เช่นกัน โดยคณะของ พล.ต.ต.ศรีวราห์ ได้ทำการบันทึกจับกุมตรวจยึดไม้สักท่อนและไม่กระยาเลยที่ไม่มีรูปรอยดวงตราจำนวน 30 ท่อน และทำการตรวจยึดช้างทั้งหมด จำนวน 51 ตัวไว้ตรวจสอบว่ามีการครอบครองถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
โดย พล.ต.ต.ศรีวราห์ เปิดเผยว่า จากการเข้าตรวจค้นพบมีไม่ผิดกฎหมายอยุ่ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และได้ทำการตรวจยึดช้างทั้งหมดไว้ตรวจสอบ ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องคือ 1.เป็นช้างที่สัตว์พาหนะตาม พ.ร.บ.สัตว์พาหนะหรือไม่ 2.เป็นช้างที่มีสถานะเป็นช้างป่าตาม พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ป่าหรือไม่ และมีใบควบคุมโรคถูกต้องหรือไม่ โดยจะคดีทั้งสองส่ง สภ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เพื่อสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
ในส่วนของช้างของกลางอายัดไว้เพื่อตรวจสอบเพื่อมิให้มีการเคลื่อนย้ายหรือซื้อขายไปจากที่เกิดเหตุ เนื่องจากต้องตรวจสอบกี่ยวกับความถถูกต้องในเรื่องที่มาของช้างและตั๋วรูปพรรณที่ทางปางช้างมีช้างและตั่วรูปพรรณไม่ตรงกัน คือ มีตั๋วรูปพรรณมากกว่าช้างที่ครอบครองจำนวน 7 ใบ
นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยว่า วันนี้ตนพร้อมผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร่วมกับปศุสัตว์จังหวัดกาญจนบุรีเข้าตรวจสอบช้างในปางช้างนี้และพบว่ามีข้อพิรุธหลายประการ โดยเฉพาะในส่วนของจำนวนช้างกับตั๋วรูปพรรณช้างมีจำนวนไม่ตรงกัน โดยพบว่าช้างทั้งหมดมีจำนวน 51 ตัวเป็นลูกช้าง จำนวน 6 ตัว ส่วนอีก 45 ตัวเป็นช้างใหญ่ที่ต้องมีตั๋วรูปกพรรณช้าง แต่ปรากฏว่า ทางปางช้างมีตั๋วรูปพรรณช้างจำนวน 52 ใบ จึงมีตั๋วมากกว่าช้างจำนวน 7 ใบ ตรงนี้ สอบถามเจ้าของและผู้จัดการให้การชี้แจงไม่ตรงกัน แต่เป็นเรื่องที่ที่ พล.ต.ต.ศรีวราห์ ได้นำกำลัง ตร.ปทส.เข้ามาตรวจสอบและทำการตรวจยึดช้างทั้งหมดไว้ตรวจสอบ
หลังจากนี้ ก็จะเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค และทางปศุสัตว์รวมถึงนายอำเภอไทรโยคที่ถือเป็นเจ้าพนักงานนายทะเบียนที่ออกตั๋วรูปพรรณช้างในที่นี้ที่จะเข้ามาตรวจสอบความถูกต้องของช้างกับตั๋วรูปพรรณที่ไม่ตรงกัน ซึ่งทางกรมอุทยานฯเข้ามาตรวจสอบในครั้งนี้เป็นการปฏิบัติเพื่อติดตามช้างป่าที่อาจจะมีการนำมาสวมตั๋ว ซึ่งเป็นหน้าที่ของกรมอุทยานฯ แต่หากเป็นช้างบ้านก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายปกครองและปศุสัตว์ในการกำกับดูแล ซึ่งตนจะติดตามการสอบสวนและจะเกาะติดว่าตั๋วรูปพรรณอีก 7 ใบ จะมีการดำเนินอย่างไรต่อไป
นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ในการเข้าตรวจค้นในครั้งนี้เป็นการบูรณาการร่วมกัน เป็นเรื่องที่ดีที่ทางกรมอุทยานฯ มีความตื่นตัวในเรื่องนี้ ถือว่าหากตรวจสอบจะเป็นการแก้ปัญหาการนำช้างมาสวมตั๋วอย่างถาวร โดยในส่วนของจังหวัดกาญจนบุรี ถือว่าการปฏิบัติในครั้งนี้พบข้อบกพร่องหลายประการ แต่ถือเป็นเรื่องที่ที่จะได้แก้ไขให้เกิดความชัดเจน ในกรณีที่มีการครอบครองช้างโดยถูกต้องตามกฎหมาย ถือว่าสามารถดำเนินการได้
แต่ในส่วนของที่บกพร่องก็ต้องเข้าสู่กระบวนการสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป อย่างกรณีตั๋ว 7 ใบที่ไม่พบตัวช้างนั้น ทางปางช้างก็ต้องหาคำตอบแก่เจ้าหน้าที่ให้ได้ว่า ช้างไปไหน จะว่ามีการตายก็ต้องแจ้งนายทะเบียนเพื่อยกเลิกตั๋ว ถ้าบอกว่าช้างไปอยู่ที่อื่นก็ต้องนำชี้ติดตามไปตรวจสอบหาสามารถติดตามได้ก็ไม่เกิดปัญหาอะไร แต่หากมีการกระทำที่ไม่ถูกต้องเช่นมีการนำช้างป่ามาสวมตั๋วก็เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องเช่นกัน ตอนนี้คงเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องต้องช่วยกันติดตามสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงให้ปรากฏ โดยตนจะให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย แต่ทุกอย่างต้องว่าตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ ถูกก็เป็นผิดก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
“ในส่วนของการนำช้างป่ามาสวมตั๋วรูปพรรณนั้น เคยมีคดีที่ จ.กาญจนบุรี คือ กรณีของช้างพังกาญจนา ที่เป็นช้างป่าตั้งครรภ์และถูกทารุณถูกนำมาสวมตั๋วและทางเราตรวจยึดไว้พิสูจน์ต่อมาสามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นช้างป่า ทำให้กระทรวงมหาดไทย ได้ทำการเพิกถอนตั๋วรูปพรรณช้างพังกาญจนา แต่น่าเสียดายมาก ช้างพังกาญจนาคลอดลูกลูกช้างก็ตายและพังกาญจนาก็เสียชีวิตตามไปเป็นเรื่องราวที่เศร้าสลดสำหรับชาวไทยทั่วประเทศ ดังนั้น เรื่องช้างตนจะเอาใจใส่อย่างจริงจัง”
นายไชยพงษ์ หรือ วินัย แสนดี อายุ 67 ปี เจ้าของปางช้างไทรโยค กล่าวกับคณะที่เข้ามาตรวจค้นว่า ตนในฐานะชาวช้างพร้อมที่จะให้ทางราชการมาตรวจสอบ ในส่วนของช้างมีการซื้อมาจากช้างบ้าน ส่วนมากเป็นช้างจาก จ.สุรินทร์ ซึ่งช้างทั้งหมดแป็นช้างบ้าน อยากให้ทางราชการให้ความใส่ใจส่งเสริมและสนับสนุนช้างไทยให้มากเพราะช้างไทยเป็นของคู่บ้านคู่เมือง ดังนั้น จึงอยากขอความเป็นธรรมแก่ชาวช้างด้วย
“ไม่ใช่เข้าตรวจสอบและชี้ประเด็นต่อสังคมเหมือนเราเป็นผู้ร้ายในสังคม ผมยืนยันว่าผมไม่มีการซื้อช้างป่ามาไว้ในปางช้างแน่นอน และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการตรวจสอบในครั้งนี้”
นายสัตวแพทย์ สามารถ ประสิทธิ์ผล หัวหน้ากลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ในส่วนของปศุสัตว์รับผิดชอบดูแลเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายช้าง หากทางเจ้าของช้างต้องการขนย้ายช้างก็มาขออนุญาตเคลื่อนย้ายช้างได้ ในส่วนของการตรวจสอบสถานะช้าง ตนพร้อมที่จะร่วมในการตรวจสอบ ช้างบ้านที่มีตั๋วรูปพรรณทุกตั้ง ตั้งปี 2546 มีการสำรวจและฝังไมโครชิปไว้ สามารถตรวจสอบได้ และในวันนี้มีการตรวจสอบเบื้องต้น รวมทั้งเตรียมที่จะตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยตรวจดีเอ็นเอ จากเลือดและขนช้างจากช้างตัวแม่และลูกช้างตามที่เจ้าของช้างกำหนดไว้ ซึ่งคงใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์น่าจะได้ความชัดเจน