กาญจนบุรี - รอง ผบช.ก.ไม่หวั่น ย้ำเดินหน้าปฏิบัติการขนช้างไปลำปาง ด้านลูกสาว “เสี่ยวินัย” เจ้าของปางช้างไทรโยค บุกศาลากลางจังหวัดยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (28 ก.พ.) นางกันตา วิทูรผดุงกิจ และนางณัฐชนก จิตนิยม ลูกสาวนายไชยพงษ์ แสนดี หรือเสี่ยวินัย เจ้าของปางช้างไทรโยค จ.กาญจนบุรี ได้เดินทางไปที่บริเวณศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อขอเข้าพบนายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนและขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับการเข้ายึดช้างทั้ง 19 ตัวเพื่อขอความเป็นธรรมและขอให้ระงับการขนย้ายช้างทั้ง 19 เชือกไป จ.ลำปาง โดยจะขอดูแลเองเพราะเป็นห่วงช้างทั้งหมด
ส่วนเวลา 11.00 น. พ.ต.อ.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผกก.5 บก.ปทส. พ.ต.ท.วรรษธร วาเกียรธนะ สว.กก.5 บก.ปทส. พร้อมนายครรชิต ครชาตรี หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ กจ.1 (ท่าเสา) นายประทิน ออมสิน เจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่าจังหวัดกาญจนบุรี และกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 30 นาย ได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบพื้นที่ ภบท.5 จำนวน 49 ไร่เศษ ที่นายไชยพงษ์ หรือวินัย แสนดี เจ้าของปางช้างไทรโยค เป็นผู้ครอบครองและเป็นผู้เสียภาษีบำรุงท้องที่ให้แก่ อบต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค ทุกปี
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทั้งหมดได้เข้าไปตรวจสอบที่ดินแปลงดังกล่าว แต่ยังไม่สามารถเข้าไปตรวจวัดพิกัดได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ที่ดินยังไม่เดินทางมาร่วมตรวจสอบ โดยให้เหตุผลต่อเจ้าหน้าที่ที่เดินทางล่วงหน้าไปก่อนว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ที่ดินยังไม่ว่าง เนื่องจากติดภารกิจปฏิบัติหน้าที่พื้นที่อื่นและขอเลื่อนการตรวจสอบใหม่ภายในวันศุกร์หน้า ดังนั้น เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงได้ถอนกำลังออกจากพื้นที่ดังกล่าว
ต่อมาเวลา 15.30 น. ที่ห้องประชุม สภ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี คณะเจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้องนำโดย พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบช.ก. และนายยุทธชัย ปัทมสนธิ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง), อุทยาน, ป่าไม้, ปศุสัตว์, เจ้าท่า, เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส., เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไทรโยค ได้ร่วมประชุมเพื่อวางแผนการปฏิบัติในการเข้าตรวจยึดช้าง 19 เชือกและขนช้างส่วนหนึ่งไปยัง จ.ลำปางในวันพรุ่งนี้ (29 ก.พ.) โดยบรรยากาศการประชุมเป็นไปอย่างเคร่งอย่างเคร่งเครียด
โดย พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบช.ก.เปิดเผยเกี่ยวกับการปฏิบัติตรวจยึดและขนช้างไป จ.ลำปาง ในวันพรุ่งนี้ (29 ก.พ.) ว่า เจ้าหน้าที่ทุกนายต้องปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย และไม่ได้กลั่นแกล้งใคร หวังว่าชาวบ้านคงจะเข้าใจว่าเป็นเรื่องที่เจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายเข้าดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย และหากไม่ดำเนินการตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการดำเนินการตามกฎหมายต่างๆ ที่มีหน้าที่ดูแลก็จะบกพร่องหรืออาจจะมีความผิดต้องรับโทษในส่วนที่บกพร่อง หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
ดังนั้นจึงอยากให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งคู่กรณี หรือประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องยอมรับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานในครั้งนี้ ซึ่งการปฏิบัติก็เป็นไปตามอำนาจหน้าที่และระเบียบกฎหมายที่บัญญัติไว้อย่างชัดเจน ดังนั้น หากเป็นไปได้ไม่อยากให้ชาวบ้านออกมาขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ โดยคณะผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้นัดหมายเพื่อร่วมปฏิบัติการตรวจยึดช้างทั้ง 19 เชือกและขนย้ายจำนวน 9 หรือ 10 เชือกไปก่อน จากนั้นจะดำเนินการขนเที่ยวที่สองในภายหลัง
ด้าน นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องการขนช้างจากปางช้างไทรโยค จ.กาญจนบุรี ว่าตนในฐานะอธิบดีกรมอุทยานฯ ที่เป็นเจ้าพนักงานที่ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ป่า จึงมีหน้าที่ต้องขนย้ายของกลาง คือ ช้างทั้ง 19 เชือกที่ปางช้างไทรโยค ไปดูแลรักษาในฐานะของกลางที่ จ.ลำปาง ในส่วนนี้ตนอยากขอร้องไปยังคนที่คิดจะออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านการขนช้างในครั้งนี้ว่าอย่านำช้างมาเป็นเครื่องมือ
“อย่างการนำช้างมาปิดถนนนั้นไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง เพราะการแก้ปัญหาจริงอยู่ที่การออกตั๋วรูปพรรณที่กระทรวงมหาดไทยกำกับดูแลในฐานะนายทะเบียน ซึ่งหากมีการดำเนินการแก้ปัญหาเรื่องตั๋วรูปพรรณถูกต้องก็สามารถนำช้างกลับคืนไปได้ เพราะตอนนี้ช้างป่าช้างบ้านเหมือนกันทุกประการแต่หากมีตั๋วรูปพรรณแสดงสถานะว่าเป็นสัตว์พาหนะก็จะเป็นสัตว์พาหนะ แต่ไม่มีตั๋วรูปพรรณก็เป็นช้างป่า เมื่อเป็นช้างป่ากรมอุทยานฯ ก็ต้องมีหน้าที่นำช้างกลับคืนสู่ป่า ทุกคนทำตามหน้าที่ไม่การกลั่นแกล้ง ตนจึงอยากขอร้องว่าช้างไม่รู้เรื่อง คนอย่านำช้างมาเป็นเป็นสิ่งต่อรองไม่ถูกต้องต้องแก้ที่ตั๋วรูปพรรณปัญหาจึงจบลงได้เท่านั้น ทุกคนต้องยึดหลักกฎหมายตนก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น”
เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (28 ก.พ.) นางกันตา วิทูรผดุงกิจ และนางณัฐชนก จิตนิยม ลูกสาวนายไชยพงษ์ แสนดี หรือเสี่ยวินัย เจ้าของปางช้างไทรโยค จ.กาญจนบุรี ได้เดินทางไปที่บริเวณศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อขอเข้าพบนายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนและขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับการเข้ายึดช้างทั้ง 19 ตัวเพื่อขอความเป็นธรรมและขอให้ระงับการขนย้ายช้างทั้ง 19 เชือกไป จ.ลำปาง โดยจะขอดูแลเองเพราะเป็นห่วงช้างทั้งหมด
ส่วนเวลา 11.00 น. พ.ต.อ.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผกก.5 บก.ปทส. พ.ต.ท.วรรษธร วาเกียรธนะ สว.กก.5 บก.ปทส. พร้อมนายครรชิต ครชาตรี หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่า ที่ กจ.1 (ท่าเสา) นายประทิน ออมสิน เจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่าจังหวัดกาญจนบุรี และกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 30 นาย ได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบพื้นที่ ภบท.5 จำนวน 49 ไร่เศษ ที่นายไชยพงษ์ หรือวินัย แสนดี เจ้าของปางช้างไทรโยค เป็นผู้ครอบครองและเป็นผู้เสียภาษีบำรุงท้องที่ให้แก่ อบต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค ทุกปี
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทั้งหมดได้เข้าไปตรวจสอบที่ดินแปลงดังกล่าว แต่ยังไม่สามารถเข้าไปตรวจวัดพิกัดได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ที่ดินยังไม่เดินทางมาร่วมตรวจสอบ โดยให้เหตุผลต่อเจ้าหน้าที่ที่เดินทางล่วงหน้าไปก่อนว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ที่ดินยังไม่ว่าง เนื่องจากติดภารกิจปฏิบัติหน้าที่พื้นที่อื่นและขอเลื่อนการตรวจสอบใหม่ภายในวันศุกร์หน้า ดังนั้น เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงได้ถอนกำลังออกจากพื้นที่ดังกล่าว
ต่อมาเวลา 15.30 น. ที่ห้องประชุม สภ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี คณะเจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้องนำโดย พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบช.ก. และนายยุทธชัย ปัทมสนธิ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง), อุทยาน, ป่าไม้, ปศุสัตว์, เจ้าท่า, เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส., เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไทรโยค ได้ร่วมประชุมเพื่อวางแผนการปฏิบัติในการเข้าตรวจยึดช้าง 19 เชือกและขนช้างส่วนหนึ่งไปยัง จ.ลำปางในวันพรุ่งนี้ (29 ก.พ.) โดยบรรยากาศการประชุมเป็นไปอย่างเคร่งอย่างเคร่งเครียด
โดย พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบช.ก.เปิดเผยเกี่ยวกับการปฏิบัติตรวจยึดและขนช้างไป จ.ลำปาง ในวันพรุ่งนี้ (29 ก.พ.) ว่า เจ้าหน้าที่ทุกนายต้องปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย และไม่ได้กลั่นแกล้งใคร หวังว่าชาวบ้านคงจะเข้าใจว่าเป็นเรื่องที่เจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายเข้าดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย และหากไม่ดำเนินการตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการดำเนินการตามกฎหมายต่างๆ ที่มีหน้าที่ดูแลก็จะบกพร่องหรืออาจจะมีความผิดต้องรับโทษในส่วนที่บกพร่อง หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
ดังนั้นจึงอยากให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งคู่กรณี หรือประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องยอมรับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานในครั้งนี้ ซึ่งการปฏิบัติก็เป็นไปตามอำนาจหน้าที่และระเบียบกฎหมายที่บัญญัติไว้อย่างชัดเจน ดังนั้น หากเป็นไปได้ไม่อยากให้ชาวบ้านออกมาขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ โดยคณะผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้นัดหมายเพื่อร่วมปฏิบัติการตรวจยึดช้างทั้ง 19 เชือกและขนย้ายจำนวน 9 หรือ 10 เชือกไปก่อน จากนั้นจะดำเนินการขนเที่ยวที่สองในภายหลัง
ด้าน นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องการขนช้างจากปางช้างไทรโยค จ.กาญจนบุรี ว่าตนในฐานะอธิบดีกรมอุทยานฯ ที่เป็นเจ้าพนักงานที่ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ป่า จึงมีหน้าที่ต้องขนย้ายของกลาง คือ ช้างทั้ง 19 เชือกที่ปางช้างไทรโยค ไปดูแลรักษาในฐานะของกลางที่ จ.ลำปาง ในส่วนนี้ตนอยากขอร้องไปยังคนที่คิดจะออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านการขนช้างในครั้งนี้ว่าอย่านำช้างมาเป็นเครื่องมือ
“อย่างการนำช้างมาปิดถนนนั้นไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง เพราะการแก้ปัญหาจริงอยู่ที่การออกตั๋วรูปพรรณที่กระทรวงมหาดไทยกำกับดูแลในฐานะนายทะเบียน ซึ่งหากมีการดำเนินการแก้ปัญหาเรื่องตั๋วรูปพรรณถูกต้องก็สามารถนำช้างกลับคืนไปได้ เพราะตอนนี้ช้างป่าช้างบ้านเหมือนกันทุกประการแต่หากมีตั๋วรูปพรรณแสดงสถานะว่าเป็นสัตว์พาหนะก็จะเป็นสัตว์พาหนะ แต่ไม่มีตั๋วรูปพรรณก็เป็นช้างป่า เมื่อเป็นช้างป่ากรมอุทยานฯ ก็ต้องมีหน้าที่นำช้างกลับคืนสู่ป่า ทุกคนทำตามหน้าที่ไม่การกลั่นแกล้ง ตนจึงอยากขอร้องว่าช้างไม่รู้เรื่อง คนอย่านำช้างมาเป็นเป็นสิ่งต่อรองไม่ถูกต้องต้องแก้ที่ตั๋วรูปพรรณปัญหาจึงจบลงได้เท่านั้น ทุกคนต้องยึดหลักกฎหมายตนก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น”
