กาญจนบุรี - ดำเนินคดีเจ้าของปางช้างไทรโยค มีไม้เถื่อนไว้ในครอบครอง 26 ท่อน ส่วนลูกจ้างมีลิงวอกไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ส่วนช้าง 51 ตัว รอผลการตรวจดีเอ็นเอ จะดำเนินการต่อไป
วันนี้ (26 ม.ค.) พ.ต.อ.นิพนธ์ จันทร์ทอง ผกก.สภ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า จากการที่ นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติและพันธุ์พืช ร่วมกับ นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี และ พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง (รองผบช.ก.) เข้าทำการตรวจค้นในปางช้างไทรโยค จนพบการกระทำผิด หลังจากการตรวจค้น นายทัศเนศวร์ เพชรคง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติอำเภอไทรโยค พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส.ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค จำนวน 3 คดี
คดี แรก คือ ตรวจพบไม้สักท่อนจำนวน 26 ท่อน ปริมาตร 0.4 ลบ.เมตร จึงทำการจับกุมและดำเนินคดี นายไชยพงษ์ แสนดี เจ้าของปางช้างไทรโยค ในข้อหามีไม้หวงห้ามไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนคดีที่สองตรวจพบลิงวอก อายุ 1 ปี ซึ่งมี นายสาทุย ไม่มีนามสกุล ชาวพม่ามีใบอนุญาตให้ทำงานในราชอาณาจักรไทยได้ จึงดำเนินคดีในข้อหาครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ส่วนคดีที่สาม คือ การให้ตรวจสอบสถานะของช้าง ตอนนี้ทางพนักงานสอบสวนได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกรณีบัตรรูปพรรณช้างก็ติดต่อกับฝ่ายปกครอง และติดต่อกับปศุสัตว์เพื่อขอผลการตรวจสอบดีเอ็นเอ ที่ทางสัตวแพทย์ได้ทำการเก็บตัวอย่างเลือด และขนของช้างทั้ง 12 ตัว เป็นช้างแม่ 6 ตัว เพื่อเปรียบเทียบกับช้างลูก 6 ตัว ตามที่ทางปางช้าง แจ้งว่า เป็นแม่ลูกกัน ซึ่งตอนนี้ต้องผลการตรวจสอบ หากถูกต้องก็ไม่มีปัญหา แต่หากไม่ถูกต้องก็จะต้องประสานกรมอุทยานฯ เพื่อดำเนินการกฎหมายว่า มีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ป่าต่อไป ส่วนช้างของกลางทั้ง 51 ตัว ได้ให้ทางปางช้างเก็บรักษาดูแลของกลางทั้งหมดต่อไป
วันนี้ (26 ม.ค.) พ.ต.อ.นิพนธ์ จันทร์ทอง ผกก.สภ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า จากการที่ นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติและพันธุ์พืช ร่วมกับ นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี และ พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง (รองผบช.ก.) เข้าทำการตรวจค้นในปางช้างไทรโยค จนพบการกระทำผิด หลังจากการตรวจค้น นายทัศเนศวร์ เพชรคง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติอำเภอไทรโยค พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส.ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค จำนวน 3 คดี
คดี แรก คือ ตรวจพบไม้สักท่อนจำนวน 26 ท่อน ปริมาตร 0.4 ลบ.เมตร จึงทำการจับกุมและดำเนินคดี นายไชยพงษ์ แสนดี เจ้าของปางช้างไทรโยค ในข้อหามีไม้หวงห้ามไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนคดีที่สองตรวจพบลิงวอก อายุ 1 ปี ซึ่งมี นายสาทุย ไม่มีนามสกุล ชาวพม่ามีใบอนุญาตให้ทำงานในราชอาณาจักรไทยได้ จึงดำเนินคดีในข้อหาครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
ส่วนคดีที่สาม คือ การให้ตรวจสอบสถานะของช้าง ตอนนี้ทางพนักงานสอบสวนได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกรณีบัตรรูปพรรณช้างก็ติดต่อกับฝ่ายปกครอง และติดต่อกับปศุสัตว์เพื่อขอผลการตรวจสอบดีเอ็นเอ ที่ทางสัตวแพทย์ได้ทำการเก็บตัวอย่างเลือด และขนของช้างทั้ง 12 ตัว เป็นช้างแม่ 6 ตัว เพื่อเปรียบเทียบกับช้างลูก 6 ตัว ตามที่ทางปางช้าง แจ้งว่า เป็นแม่ลูกกัน ซึ่งตอนนี้ต้องผลการตรวจสอบ หากถูกต้องก็ไม่มีปัญหา แต่หากไม่ถูกต้องก็จะต้องประสานกรมอุทยานฯ เพื่อดำเนินการกฎหมายว่า มีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ป่าต่อไป ส่วนช้างของกลางทั้ง 51 ตัว ได้ให้ทางปางช้างเก็บรักษาดูแลของกลางทั้งหมดต่อไป
