ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดกำแพงอุดมพิทยากร มอบเกียรติบัตรแก่ ด.ช.ประพันธ์ นุ้ยวังทอง ที่ทำความดีเก็บเงินคืนเจ้าของ เผยทุกวันหลังเลิกเรียนยังออกขายข้าวเกรียบว่าว หาเงินเรียนหนังสือนานกว่า 3 ปี
หลังผู้สื่อข่าวได้นำเสนอเรื่องราวของ ด.ช.ประพันธ์ นุ้ยวังทอง อายุ 12 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาลวัดกำแพงอุดมพิทยากร ตำบลบางปลาสร้อย อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ได้ทำความดีด้วยการนำเงินสดกว่า 5 หมื่นบาทที่พบในถุงผ้าซึ่งตกอยู่ที่ริมถนนชัยชนะ กลางเมืองชลบุรีส่งให้ตำรวจเพื่อตามหาเจ้าของซึ่งก็คือนางถาวร ทองประกอบ เจ้าหน้าที่พยาบาล โรงพยาบาลชลบุรีไปก่อนหน้าแล้วนั้น
ในวันนี้ (6 ม.ค.55) นายไพรพัฒน์ รุ่งวิมลรัตน์ ผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาลวัดกำแพงอุดมพิทยากร ได้ทำพิธีกล่าวชมเชย ด.ช.ประพันธ์ เพื่อชื่นชมถึงความซื่อสัตย์ต่อหน้าคุณครูและเพื่อนนักเรียนบริเวณหน้าเสาธง พร้อมแจกประกาศนียบัตร และมอบเงินทุนการศึกษาจำนวน1,000 บาทให้เป็นขวัญและกำลังใจ
โดยผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาลวัดกำแพงอุดมพิทยากร กล่าวว่า ตนรู้สึกดีใจและภาคภูมิใจที่ลูกศิษย์ทำความดี และแสดงความซื่อสัตย์ ตรงกับที่ตนวางนโยบายปลูกฝังเด็กนักเรียน ให้มีจริยธรรมคู่การเรียน โดยจะมีสมุดบันทึกความดี ประจำตัวของนักเรียนแต่ละคน หากทำความดี ในระดับโรงเรียนหรือชุมชนให้ 2 คะแนน หากทำความดีระดับอำเภอให้ 3 คะแนน หากทำความดีระดับจังหวัดให้ 4 คะแนน หากทำความดีระดับประเทศให้ 5 คะแนน และเพื่อเป็นกำลังใจให้กับการทำความดีของ ด.ช.ประพันธ์ ในครั้งนี้จึงให้คะแนนทำความดีในระดับประเทศถึง 5 คะแนน
นอกจากนี้ ยังทราบว่าทุกเย็นหลังเลิกเรียน ด.ช.ประพันธ์ ยังนำข้าวเกรียบว่าว ออกขายเพื่อหาเงินช่วยเหลือครอบครัว และใช้เป็นทุนการศึกษาอีกด้วย
ด้านนางณัฐกฤตา ราวินิจ คุณครูประจำชั้น กล่าวว่า ด.ช.ประพันธ์ เป็นเด็กนิสัยดีและเป็นที่รักของ เพื่อนและหลังเลิกเรียน จะนำข้าวเกรียบว่าว ไปขายที่บริเวณสี่แยกหรือห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ โดยจะมีรายได้วันละประมาณ 500 บาท และจะนำเงินให้แม่และยายไว้ใช้จ่ายในบ้านวันละ 250 บาท ส่วนอีก 250 บาท จะเก็บมาฝากครูไว้ เพื่อเป็นทุนการศึกษา
โดยผู้สื่อข่าวยังได้เดินทางไปที่บ้านพัก เลขที่ 963/ย. ซอยเทพประสาท ตำบลบ้านโขด อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นบ้านของ ด.ช.ประพันธ์ พบว่าเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ผู้อยู่อาศัยประกอบด้วย แม่ ยาย ป้า และ ด.ช.ประพันธ์ โดยที่บริเวณหน้าบ้าน ดัดแปลงเป็นที่ผลิตข้าวเกรียบว่าว กล้วยเชื่อม มันเชื่อม
ด้านางนนทิยา ทองนุ่ม อายุ 31 ปี มารดาของ ด.ช.ประพันธ์ กล่าวว่า ตนและยายจะสั่งสอน ด.ช.ประพันธ์ ว่า แม้จะยากจนก็ไม่ลักขโมย หรือเอาทรัพย์สินของผู้อื่นมาเป็นของตัว ซึ่งเหตุการณ์ในวันนั้น ด.ช.ประพันธ์ ได้นำเงินที่เก็บได้มาให้ดู ทำให้ตนนึกถึงตำรวจเป็นอันดับแรกที่จะนำเงินดังกล่าวไปส่งให้ เพื่อตามหาเจ้าของ เพราะกลัวเจ้าของจะเสียใจและยังบอกว่าตนและครอบครัวรู้สึกภาคภูมิใจที่ ด.ช.ประพันธุ เป็นเด็กดี ซื่อสัตย์ และขยัน ซึ่งที่ผานมา ตนไม่เคยพาลูกไปเที่ยวไหน เพราะต้องทำงาน
